กลุ่มบริษัทบางจาก ชวนพันธมิตรร้านอาหาร 10 สาขา ร่วมขับเคลื่อนโลกสีเขียว ตั้งจุดรับน้ำมันทอดไม่ทิ้ง จากครัวร้านอาหาร แปลงสู่เชื้อเพลิงสะอาด ป้อนฝูงบินอากาศยานยั่งยืน (SAF) เชื้อเพลิงชีวภาพ ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากภาคการบิน ตอบโจทย์ โมเดล BCG เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม ดีต่อสุขภาพคน
นายธรรมรัตน์ ประยูรสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการบริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บางจากฯ บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) และผู้บริหารและพนักงานบริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด และบริษัท ธนโชค ออยล์ไลท์ จำกัด นำโดย นายธนวัฒน์ ลินจงสุบงกช กรรมการผู้จัดการ ร่วมกับ บริษัท สปาเก็ตตี้แฟคทอรี่ จำกัด ผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหาร Spaghetti Factory และร้านอาหารในเครือ 10 สาขา โดย นายเพชร อรรถบุรานนท์ กรรมการผู้จัดการ รวบรวมน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว เพื่อนำไปผลิตน้ำมันอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel) หรือ SAF ที่บริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด รับซื้อภายใต้โครงการ “ทอดไม่ทิ้ง” เพื่อบริหารจัดการน้ำมันปรุงอาหารใช้ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำหรับนำมาผลิตน้ำมัน SAF
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา บริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด ได้ร่วมมือกับพันธมิตรร้านอาหารชื่อดังหลายแบรนด์อย่างต่อเนื่อง ในการร่วมรวบรวมและรับซื้อน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วภายใต้โครงการ “ทอดไม่ทิ้ง” เพื่อบริหารจัดการนำน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วมาผลิตน้ำมัน SAF ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากภาคการบิน ตอบโจทย์โมเดลเศรษฐกิจ BCG ทั้งเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว ( Bio-Circular-Green Economy) คิดครบวงจร ดูแลใส่ใจสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมสุขภาพของผู้บริโภค
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ดำเนินงานใน 5 ธุรกิจหลัก คือ
1. กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน ผู้นำด้านการกลั่นน้ำมันของประเทศ ด้วยกำลังการผลิตรวมเกือบ 300,000 บาร์เรลต่อวัน จากโรงกลั่นน้ำมันแบบ Complex Refinery มาตรฐานระดับโลก 2 แห่ง คือโรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนงและโรงกลั่นน้ำมันบางจาก ศรีราชา จังหวัดชลบุรี ขยายสู่ธุรกิจการค้าน้ำมันผ่านบริษัทบีซีพี เทรดดิ้ง (BCPT) และต่อยอดเครือข่ายธุรกิจขนส่งเชื้อเพลิง ผ่านบริษัทกรุงเทพขนส่งเชื้อเพลิงทางท่อและโลจิสติกส์ (BFPL) รวมถึงลงทุนในธุรกิจเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน หรือ SAF ผ่านบริษัทบีเอสจีเอฟ (BSGF)
2. กลุ่มธุรกิจการตลาด ส่งมอบ Greenovative Experience ผ่านเครือข่ายสถานีบริการกว่า 2,200 แห่ง เสริมด้วยธุรกิจ non-oil เช่น กาแฟอินทนิล น้ำมันหล่อลื่น Furio EV Charger รวมทั้งความร่วมมือกับพันธมิตรด้านอาหารหลากหลายและนำระบบดิจิทัลมาส่งมอบประสบการณ์ทันสมัย สะดวก ปลอดภัย ให้กับผู้ใช้บริการ
3. กลุ่มธุรกิจพลังงานไฟฟ้า ดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด และการนำนวัตกรรมมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อตอบสนองต่อความต้องการการใช้พลังงานของผู้บริโภคและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดย บมจ. บีซีพีจี ผู้นำธุรกิจพลังงานสะอาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค
4. กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ดำเนินการภายใต้ บมจ. บีบีจีไอ ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวภาพรายใหญ่ของประเทศและขยายสู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง
5. กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ ลงทุนในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมผ่านการถือหุ้นใน OKEA ASA ประเทศนอร์เวย์ ที่เป็นที่ยอมรับว่ามีมาตรฐานด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมดีที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มธุรกิจขับเคลื่อนธุรกิจใหม่ ๆ (New Frontier Businesses) อาทิ ธุรกิจแพลตฟอร์มให้บริการรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า Winnonie และสถาบันนวัตกรรมและบ่มเพาะธุรกิจ (BiiC) เน้นการลงทุนในธุรกิจใหม่ทั้งในและต่างประเทศ พร้อมทั้งช่วยสร้างระบบนิเวศสำหรับนวัตกรรมสีเขียว
อีกด้านหนึ่ง ยังได้ก่อตั้ง Carbon Markets Club เพื่อส่งเสริมการซื้อขายคาร์บอนเครดิต และร่วมก่อตั้งภาคีเครือข่ายเทคโนโลยีชีวภาพแห่งอนาคต SynBio Consortium
บางจากฯ ได้รับการประเมินจาก S&P Global CSA ผู้จัดทำการประเมินความยั่งยืนดัชนี DJSI ได้คะแนนการประเมินสูงเป็นอันดับ 3 ในกลุ่มอุตสาหกรรม Oil & Gas Refining and Marketing และได้รับการประเมิน MSCI ESG Rating ระดับ AA ซึ่งเป็นระดับสูงสุดขององค์กรในธุรกิจพลังงานในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2561
กลุ่มบริษัทบางจากตั้งเป้าหมายเป็นกลางทางคาร์บอนในปี ค.ศ. 2030 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ในปี ค.ศ. 2050