เปิด 4 สตาร์ทอัพดาวรุ่งพลิกโลกยั่งยืน โอกาสกองทุนบีคอนปั้นพอร์ตธุรกิจESG

เปิด 4 สตาร์ทอัพดาวรุ่งพลิกโลกยั่งยืน โอกาสกองทุนบีคอนปั้นพอร์ตธุรกิจESG


เปิด 4 สตาร์ทอัพดาวรุ่ง บีคอน วีซี ปล่อยเงินทุนกว่า 320 ล้านบาท หนุน 4 แพลตฟอร์มแกร่งพลิกโลก ประกอบด้วย 1.Algbra แพลตฟอร์มเพื่อช่วยชุมชนอิสลามเข้าถึงแหล่งเงินทุน, 2. Wavemaker Impact แพลตฟอร์มแรกของอาเซียน ที่นำเทคโนโลยีมาช่วยแก้ปัญหาสภาพอากาศ, 3. Quona Opportunity Fund ช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งทุนด้านความยั่งยืนตรงจุด และ 4. กองทุนสยาม(Siam Capital) หนุุนธุรกิจสร้างจิตสำนึกบริโภคยั่งยืน

 

 

 

หลังจาก บีคอน วีซี เปิดตัวกองทุน Beacon Impact Fund อย่างเป็นทางการในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา เพื่อมุ่งเน้นการลงทุนโดยตรงในบริษัทสตาร์ทอัพ หรือผ่านกองทุนเงินร่วมลงทุนที่แสวงหาผลกำไรทั่วโลก ในกลุ่มธุรกิจที่มีพันธกิจแก้ไขปัญหา โดยสร้างผลกระทบเชิงบวก ฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสังคม รวมถึงสภาวะแวดล้อม

บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล (บีคอน วีซี) เผยผลการดำเนินงานการลงทุน Beacon Impact Fund กองทุนที่จัดตั้งเพื่อร่วมลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพด้าน ESG ทั่วโลก ที่สามารถแสวงหาผลกำไรพร้อมกับสร้างผลกระทบเชิงบวกที่ยั่งยืน และมีศักยภาพที่จะขยายผลในวงกว้าง ครึ่งปีแรกลงทุนในสตาร์ทอัพและกองทุนไปแล้ว 4 ราย วงเงินกว่า 9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 320 ล้านบาท

นายธนพงษ์ ณ ระนอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด (บีคอน วีซี) เปิดเผยว่า ในฐานะบริษัทเงินร่วมลงทุน ของธนาคารกสิกรไทย ที่มีเป้าหมายก่อตั้งเพื่อเป็นผู้นำในการร่วมลงทุนกับธุรกิจสตาร์ทอัพที่เกี่ยวข้องกับด้านความยั่งยืนให้กับโลก เป็นแนวทางในการ่วมมือกันแก้ไขปัญหาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) โดยมุ่งหวังที่จะเป็นหนึ่งในผู้ร่วมสร้างพลังในการขับเคลื่อน และสนับสนุนผู้คิดค้นนวัตกรรมรุ่นใหม่ มีเจตนารมณ์ในการคิดค้น พัฒนาธุรกิจ ที่มีเทคโนโลยีและนวัตกรรม มาตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาที่กำลังเผชิญ

“เจตนารมณ์ของธนาคารกสิกรไทยที่มีความมุ่งมั่นจะยกระดับการดำเนินธุรกิจบนหลักการธนาคารแห่งความยั่งยืน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการปูทางให้สังคมไทยและโลกใบนี้มุ่งสู่ความยั่งยืนที่แท้จริงไปด้วยกัน สอดคล้องกับ เทรนด์ที่นักลงทุนทั่วโลกต่างเริ่มให้ความสำคัญ ทำให้ทุกฝ่ายต้องหันกลับมามอง ปรับตัวเพื่อก้าวสู่ระบบเศรษฐกิจแห่งความยั่งยืนไปด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

 

 

 

สำหรับสตาร์ทอัพที่Beacon Impact Fund สนใจเข้าไปร่วมลงทุนใน 2 รูปแบบคือ ลงทุนโดยตรงกับธุรกิจสตาร์ทอัพ และผ่านกองทุนเงินร่วมลงทุนเพื่อสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพทั่วโลก ไปแล้ว 4 ราย ได้แก่ ประกอบด้วย

Algbra

ธุรกิจสตาร์ทอัพด้านการเงิน (Financial Service) จากสหราชอาณาจักร ผู้พัฒนา Platform เพื่อให้ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามในประเทศอังกฤษสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินที่สอดคล้องกับหลักทางศาสนาได้ โดยมีวิสัยทัศน์และพันธกิจที่จะขยายบริการและมุ่งเน้นการสร้างผลกระทบทางสังคม (Social Impact) สำหรับผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามทั่วโลกให้มีโอกาสในการเข้าถึงบริการทางด้านการเงินดังกล่าวได้ง่ายและมีความเสมอภาคมากขึ้น (Financial Inclusion and Equality)

Wavemaker Impact

ธุรกิจเงินร่วมลงทุนที่มีเป้าหมายในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก (Global Carbon Emission) ลง 10% ถือเป็นการจับมือกับกลุ่มสตาร์ทอัพ (Venture Builder) ทางด้านการใช้เทคโนโลยีเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสภาพอากาศ(Climate Tech) เป็นเจ้าแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (South East Asia) ที่รวบรวมผู้มีประสบการณ์เพื่อให้คำแนะนำ สนับสนุนให้กลุุ่มสตาร์ทอัพบรรลุเป้าหมายด้านการฟื้นฟูสภาพอากาศ

Quona Opportunity Fund

ธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Venture Capital) ผู้นำด้านการลงทุนเพื่อสร้างการเข้าถึงบริการทางการเงิน (Financial Inclusion) ผ่านการลงทุนใน Innovative Fintech Startup ในระบบเศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) โดยมีพันธกิจในการแก้ปัญหา ลดความเหลื่อมล้ำทางโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ที่กลุ่มไม่ได้รับการอนุมัติ (Unserved Segment) และกลุ่มที่บริการทางการเงินยังไม่สอดคล้องกับความต้องการ (Underserved Segment) ส่วนใหญ่อยู่ใน ทวีปเอเชีย แอฟริกา และอเมริกาใต้

กองทุนสยาม(Siam Capital)

เป็นกองทุนที่ตั้งขึ้นโดย คุณ สิตา จันทรมังคละศรี นักลงทุนหญิงชาวไทยที่สั่งสมประสบการณ์ในด้านการลงทุน และมีประสบการณ์องค์ความรู้ ทางด้านความยั่งยืนมาอย่างยาวนานในสหรัฐอเมริกา โดยกองทุน Siam Capital มุ่งเน้นการลงทุนที่จะช่วยเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้การบริโภคอย่างยั่งยืน เรียกว่า “Conscious Consumption” ที่จะสามารถทำให้เกิดขึ้นจริงได้ ผ่านการลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพ หลากหลายกลุ่ม อาทิ วัสดุที่ไม่เป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อม ระบบการซื้อขายที่ลดการปล่อยคาร์บอน ไปจนถึงโซลูชันด้านการเงินที่ช่วยให้บริษัทที่ต้องการทำเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเข้าถึงทุนได้อย่างโดยง่าย โดยคุณสิตามีความคาดหวังที่จะนำเทคโนโลยีที่ลงทุนไปในโซนตลาดอเมริกา

นอกจากนี้ยังมีแผนการลงทุนโดยตรงในสตาร์ทอัพผู้ให้บริการโซลูชันด้านโซลาร์รูฟซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการอีก 1 ราย ทำให้ภาพรวมครึ่งแรกของปี 2566 กองทุน Beacon Impact Fund ให้เงินลงทุนเพื่อความยั่งยืนไปแล้วรวมทั้งสิ้น 9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 320 ล้านบาท จากที่ตั้งเป้าหมายการลงทุนทั้งปี 2566 ตั้งไว้ที่ 400 ล้านบาท

สำหรับการลงทุนของBeacon impact Fund เป็นส่วนหนึ่งของเงินให้สินเชื่อและการลงทุนเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Financing and Investment) ของธนาคารกสิกรไทย ที่มีเป้าหมายยอดรวมไม่น้อยว่า 1-2 แสนล้านบาท ภายในปี 2573