พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ว่า เป็นอำนาจของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้ว่าราชการจังหวัด ที่จะต้องทำตามกรอบของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมมลพิษ ว่าถึงระดับใดที่จะต้องมีความเข้มงวด
พล.อ.อนุพงษ์ ระบุว่า จุดความร้อน (Hot spot) ในประเทศนั้นลดลง แต่จากด้านนอกประเทศยังคงมีอยู่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประเทศไทย แต่ไม่ขอตอบว่ามีการหารือกับประเทศเพื่อนบ้านในประเด็นดังกล่าว รวมไปถึงจะมีการนำเสนอเข้าเป็นวาระของอาเซียนหรือไม่ เนื่องจากเกินอำนาจของตน
ส่วนจะต้องประกาศเคอร์ฟิวส์หรือไม่นั้น ไม่ใช่อำนาจตนในการพิจารณาเรื่องนี้ เพราะเป็นอำนาจของผู้ว่าฯ กทม. และผู้ว่าราชการจังหวัด
พร้อมย้ำว่า หากต้องการให้สถานการณ์ดีขึ้น ทุกฝ่ายต้องให้ความร่วมมือ เพราะการไล่จับจะทำให้เกิดความเดือดร้อน เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร ส่วนการที่จะเปลี่ยนจากรถยนต์ปกติเป็นรถยนต์ไฟฟ้า อาจเป็นเรื่องยากเพราะมีต้นทุนสูง
สำหรับกรณีการแก้ปัญหาสารกัมมันตภาพรังสี ซีเซียม-137 ที่ปราจีนบุรี พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า จากการประชุมพบว่าไม่มีผลกระทบที่ส่งผลต่อประชาชนในพื้นที่ จึงไม่จำเป็นต้องประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัย โดยหากเกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องเป็นผู้ประกาศว่าเป็นพื้นที่ประสบภัยอย่างไร เพราะเป็นเพียงการพบรังสีแค่ระยะรัศมี 1-2 เมตรเท่านั้น นอกจากนี้ ท้องถิ่นก็ไม่มีเครื่องมือในการตรวจวัด.
ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
สตาร์ทอัพจีนเสนอบริการจัดการพลังงานที่ขับเคลื่อนด้วย AI
https://www.thaiquote.org/content/249848
วัดใจพรรคการเมืองในสมรภูมิเลือกตั้ง กับเจตนารมณ์สร้างระบบ ‘บำนาญผู้สูงอายุ’ ที่ต้องไปไกลกว่า ‘นโยบายหาเสียง
’https://www.thaiquote.org/content/249839
วว. พัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีกลั่นกลิ่นเพิ่มมูลค่าใบเตย