“กอบศักดิ์” ห่วง Credit Suisse อาจไม่ใช่รายสุดท้ายมีสิทธิกระเทือนถึงไทยแต่ยังเชื่อพื้นฐานแกร่งพอ

“กอบศักดิ์” ห่วง Credit Suisse อาจไม่ใช่รายสุดท้ายมีสิทธิกระเทือนถึงไทยแต่ยังเชื่อพื้นฐานแกร่งพอ


“กอบศักดิ์” แชร์มุมมองผ่านเฟซบุ๊ค ถึงกรณีปัญหาของธนาคารเครดิตสวิส (Credit Suisse) ว่า หลังตลาดกดดันมาทั้งวัน จนหุ้น Credit Suisse ทรุดลงไปมากกว่า 30% ใน 1 วัน สุดท้าย ธนาคารกลางสวิส (SNB) และผู้กำกับสถาบันการเงินสวิส (FINMA) ประกาศพร้อมช่วยเหลือ Credit Suisse

 

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ และประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เขียนไว้ว่า FINMA ได้ติดตามหารือกับ Credit Suisse อย่างใกล้ชิด และได้ดูข้อมูลของธนาคารในมิติต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ตามที่กฎหมายกำกับสถาบันการเงินได้กำหนดไว้ FINMA ขอยืนยันว่าฐานะการเงินของ Credit Suisse ทั้งเงินทุนและสภาพคล่องยังเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด และหากจำเป็นธนาคารกลางสวิสจะจัดสภาพคล่องที่ต้องการให้กับ Credit Suisse

พูดง่ายๆ คือ ทางการได้เข้าไปดูข้อมูลแล้ว และขอให้สบายใจว่าหาก Credit Suisse มีปัญหา ธนาคารกลางสวิสจะจัดให้ ที่ต้องทำเช่นนี้ก็เพราะ Credit Suisse เป็นธนาคารที่สำคัญกว่า Silicon Valley Bank มาก โดยมีขนาดสินทรัพย์ประมาณ 6 แสนล้านดอลลาร์ เป็นธนาคารขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสวิส อายุราว 167 ปี ฝังรากลึกมีโครงข่ายเชื่อมโยงกับธนาคารต่างๆในยุโรปและในสหรัฐอย่างลึกซึ้ง ใหญ่เกินกว่าที่จะปล่อยให้ล้มได้ เพียงผลจากเมื่อคืนนี้แค่ความกังวลใจก็ทำให้หุ้นธนาคารอื่นๆ ในยุโรปก็ร่วงตามเป็นแถวๆ

และยังกระจายไปทั้งภูมิภาค ตลาดหุ้นอังกฤษ สเปน อิตาลี ตกไปประมาณ 4% ใน 1 วัน กระทั่งธนาคารกลางอังกฤษก็ต้องจัดประชุมฉุกเฉินกับกลุ่มธนาคารกลางอื่นๆ เพื่อหารือแนวทางที่จะดูแลผลกระทบ

ทั้งนี้ แม้ Credit Suisse มีปัญหาเฉพาะตัวในหลายๆ เรื่อง ต่างจากธนาคารอื่นๆ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งกรณีของสหรัฐและยุโรปชี้ไปถึงความเปราะบางในระบบสถาบันการเงินโลกที่เพิ่มขึ้นมากจากการขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วเกินคาด มา 1 ปีเต็มๆ ของธนาคารกลางต่างๆ ทำให้สถาบันการเงินจำนวนมากจัดการความเสี่ยงได้ไม่หมด มีความเสียหายซ่อนไว้ในพอร์ต พันธบัตรที่ถือจากการลงทุน

ยิ่งเมื่อเศรษฐกิจซบเซาลง จากหนี้เสียต่างๆ ก็จะอ่อนแอลงไปเพิ่ม ทำให้ทุกคนพร้อมวิ่ง เมื่อมีประเด็นเกิดขึ้น ดังเช่นกรณี Credit Suisse เมื่อคืนนี้ เริ่มจากการสัมภาษณ์ธรรมดาๆ ที่ Saudi National Bank ตอบว่าได้ลงทุนไป 9.9% ของหุ้น Credit Suisse แล้ว หากเกิน 10% ก็จะเข้าสู่เกณฑ์ใหม่ ด้วยเหตุนี้จึงไม่สามารถลงเงินเพิ่มได้

แต่ข่าวที่ออกมา พาดหัวว่า “ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Credit Suisse ปฏิเสธที่จะลงเงินต่อ ปฏิเสธที่จะช่วยเหลือเพิ่ม” เนื่องจาก Credit Suisse มีแผลอยู่แล้ว คนจับตามองอยู่แล้ว มีปัญหาเกิดขึ้นเนืองๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สิ่งที่ตามมาจากคำพูดสั้นๆ ดังกล่าว จึงกลายเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางเกินคาดสะเทือนไปทั่วโลก
แต่ท้ายสุด เนื่องจาก Credit Suisse ใหญ่เกินไป สำคัญเกินไปให้ล้มไม่ได้ ทางการจึงต้องเข้ามาดูแลอย่างไม่มีทางเลือก เมื่อคืนถือเป็นก้าวแรกในการประกาศช่วยเรื่องสภาพคล่อง ต่อไปหากจำเป็นคงต้องเข้าไปอุ้มผู้ฝากให้ชัดเจน และท้ายสุด หากจำเป็นจริงๆ คงต้องคิดหาทางออกให้ Credit Suisse กลับมามีเงินทุนที่เข้มแข็งอีกครั้ง เพื่อให้ผ่านไปได้ แต่ล้มไม่ได้
ระหว่างทาง โลกก็จะพลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วย กรณี Credit Suisse คงไม่ใช่กรณีสุดท้าย สถาบันการเงินต่างๆ คงก็จะต้องรับกับแรงกระแทก แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นไปอีกระยะ เพราะธนาคารกลางหลักหลายประเทศยังสู้ศึกเงินเฟ้อไม่จบ นำมาซึ่งบทใหม่ของ Perfect Storm ที่ลุกลามไปภาคสถาบันการเงินที่อ่อนไหว เปราะบางมากขึ้น ยิ่งข่าวสารสมัยนี้ ไปไว ธุรกรรมทางการเงินก็แค่ปลายนิ้วจิ้ม ในการถอนเงิน โอนเงิน ขายหุ้น เก็งกำไร ความปั่นป่วนต่างๆ ก็สามารถเกิดขึ้นได้ง่าย กระเทือนเป็นลูกโซ่ เป็นทอดๆ รวมถึงประเทศไทย แต่ด้วยพื้นฐานของไทยเราที่ดีพอก็เชื่อว่าเราน่าจะผ่านไปได้.

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

ตลาดเอเชียดิ่งลงเนื่องจากความกลัวการแพร่ระบาดของ SVB ส่งผลกระทบต่อภาคธนาคาร
https://www.thaiquote.org/content/249741

Mercedes-Benz เปิดตัวเครือข่ายการชาร์จ EV พลังงานสูงระดับโลก
https://www.thaiquote.org/content/249724

การนำเข้าแผงโซลาร์เซลล์จากจีนของสหรัฐฯ ได้รับการผ่อนผันแแล้ว
https://www.thaiquote.org/content/249724