สุขภาพปากสัมพันธ์กับโรคต่างๆ

สุขภาพปากสัมพันธ์กับโรคต่างๆ

การตรวจสุขภาพภายในช่องปากและฟันทุกๆ 6 เดือนเป็นเรื่องทั่วไปสำหรับทุกคนที่ไม่ต้องมีความกังวลใดๆ แต่สำหรับผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพหรือโรคประจำตัวแล้วทันตแพทย์ต้องซักถามรายละเอียดเกี่ยวกับโรคและยาที่ได้รับเพื่อให้การดูแลเป็นพิเศษ

 

บทความนี้จึงเป็นบทความเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพช่องปากให้ปลอดภัยโดย ทันตแพทย์เฉพาะทางด้านผู้สูงอายุ จาก คลินิกทันตกรรมสตาร์เด็นท์ ไลฟ์เซ็นเตอร์ ได้มาให้ข้อมูลสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว และข้อจำกัดของผู้ป่วยที่ต้องมีความระมัดระวังเรื่องการดูแลสุขภาพฟันและช่องปากเป็นพิเศษ ได้แก่

• โรคในกลุ่มผู้มีภาวะสมองเสื่อม เช่น Alzheimer’s disease, Parkinson disease, etc.
• โรคไต (Chronic kidney disease)
• เบาหวาน (Diabetes)
• ความดันโลหิตสูง (High blood pressure)
• โรคข้อเสื่อม (Osteoarthritis)
• โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis (including treatments))
• ผู้ป่วยได้รับรังสีรักษา (Radiation therapies)
• กลุ่มอาการของโรคที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิดภูมิต่อต้านเนื้อเยื่อตนเอง(Sjögren Disease)
• ภาวะปากแห้ง (Xerostomia)
• Human Immunodeficiency Virus or HIV
• ผู้สูงอายุ (Elderly)
• ผู้มีข้อจำกัดทางร่างกาย เช่น ผู้พิการ ผู้มีปัญหาในการเคลื่อนไหวของร่างกาย เป็นต้น

ซึ่งเหตุผลที่ผู้ป่วยเหล่านี้ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เพราะ

• กลุ่มโรคบางโรคทำให้ผู้ป่วยมีข้อจำกัดทางด้านการเคลื่อนไหวของร่างกาย มีผลต่อประสิทธิภาพในการแปรงฟันและการดูแลสุขภาพในช่องปากด้อยลง
• ภาวะของโรค ณ ช่วงเวลาต่างๆ อาจเป็นข้อจำกัดในการทำงานทันตกรรมด้วย ซึ่งทันตแพทย์ต้องให้ความระมัดระวังในการรักษาเพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้ป่วยเป็นสำคัญ
• ภาวะของโรคที่รุนแรงหรือเรื้อรัง อาจส่งผลต่อสุขภาพจิตของผู้ป่วย และมีผลทางอ้อมต่อการให้ความสำคัญในการดูแลช่องปาก ทำให้ไม่สนใจดูแลตัวเอง มีโอกาสการติดเชื้อสูงขึ้น หรือทำให้กระบวนการลุกลามของโรคภายในช่องปากเร็วขึ้นกว่าปกติ

เพื่อให้การรักษามีความปลอดภัย ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ผู้ที่มีข้อจำกัดด้านการเคลื่อนไหว และผู้ที่ทานอาหารเสริมต่างๆ ควรให้ข้อมูลรายละเอียดแก่ทันตแพทย์ก่อนการรักษาทางทันตกรรม และเป็นข้อมูลที่ถูกต้องไม่ปิดบัง ทั้งโรคประจำตัวและยาที่ใช้ประจำ การแพ้ต่างๆ (ยา อาหาร สารต่างๆ) และอาหารเสริม เป็นต้น และ ภายหลังการเข้าพบทันตแพทย์แล้ว อาจจะมีการสอบถามเพิ่มเติมในบางกรณี

และสำหรับบุคคลทั่วไป ทันตแพทย์ยังได้ให้ข้อสังเกต สัญญาณเตือนสำหรับปัญหาสุขภาพในช่องปากแบบไหนที่ควรมาพบแพทย์ เช่น

• เสียวฟันมาก อาจเกิดจากฟันผุที่ลึกใกล้ทะลุโพรงประสาทฟัน ฟันสึก ฟันร้าว ฟันแตกจากการเคี้ยวอาหารที่แข็งเกินไป แปรงฟันแรงเกินไปหรือนอนกัดฟัน
• เหงือกบวมหลายตำแหน่ง แบบเป็นๆหายๆ หรือมีฟันโยกร่วมด้วย
• เลือดออกเวลาแปรงฟัน
• มีกลิ่นปากตลอดเวลาหรือหลังรับประทานอาหาร
• ไหมขัดฟันรุ่ย ขาด หรือมีกลิ่นเหม็นเวลาทำความสะอาดซอกฟัน
• ปวดข้อต่อขากรรไกร หรือมีเสียงดังข้างหูเวลาอ้าปากหุบปาก
• นอนกัดฟัน

ปัญหาทางทันตกรรมโดยส่วนใหญ่ไม่มีแสดงอาการเตือนที่ชัดเจน ทำให้ผู้ป่วยไม่ทราบว่าควรเข้ารับการรักษาทางทันตกรรมเมื่อใด การตรวจสุขภาพช่องปากทุก 6 เดือนโดยทันตแพทย์ จึงเป็นคำแนะนำที่สำคัญ เพื่อค้นหารอยโรคและทำการรักษาตั้งแต่ขั้นเริ่มต้นซึ่งรักษาง่ายและมีค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่าการรักษาโรคที่ลุกลามแล้ว นอกจากนี้ผู้ป่วยยังจะได้รับการแนะนำวิธีปฏิบัติและดูแลสุขภาพช่องปากและฟันที่ถูกต้องเพื่อเป็นการป้องกันก่อนที่จะเกิดปัญหาต่างๆ ตามมา.

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

กรมการแพทย์ห่วงใยประชาชนแนะแนวทางวิธีป้องกัน PM 2.5
https://www.thaiquote.org/content/249698

การนอนหลับอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสุขภาพของหัวใจ
https://www.thaiquote.org/content/249687

เตือน แขน ขา เคลื่อนไหวผิดปกติ ไม่เป็นจังหวะ ควรรีบพบแพทย์
https://www.thaiquote.org/content/249606