ลุ้นศาลรธน.พรุ่งนี้เคาะรับ-ไม่รับคำร้องปม 8 ปี นายกรัฐมนตรี วิษณุ ชี้นัยขั้นตอนตั้งนายกฯ 2 รอบต่างกัน ด้านนายกฯ ย้ำวาระ 8 ปีอยู่ที่ดุลพินิจศาล-ไม่ขอก้าวล่วง วอนเชื่อมั่นหลักนิติธรรม ส่วนฝ่ายค้านนัดแต่งดำตั้งแต่พรุ่งนี้ไว้อาลัยนายกฯ ครบ 8 ปีพร้อมลุ้นผลศาล รธน.
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการประชุมทุกวันพุธ ดังนั้นต้องรอติดตามว่าในวันพรุ่งนี้ศาลรัฐธรรมนูญอาจจะสั่งรับหรือไม่รับพิจารณาคำร้องขอให้วินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี แต่ก็เชื่อว่าคงไม่มีเหตุผลอะไรที่ศาลฯ จะไม่รับไว้พิจารณา โดยหากศาลรัฐธรรมนูญอาจมอบให้องค์คณะย่อยไปพิจารณารายละเอียดในคำร้องและทำความเห็นกลับมาภายใน 3-5 วัน และหากต้องให้รัฐบาลชี้แจง ก็ต้องให้เวลา แต่รัฐบาลอยากดำเนินการให้เร็วและพร้อมจะชี้แจง
อย่างไรก็ตาม หากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง ก็ต้องติดตามว่าจะสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีหรือไม่ ซึ่งอาจจะไม่มีคำสั่งในวันพรุ่งนี้ เพราะต้องกระบวนการในการไต่สวน 2-3 วัน และจากนั้นหากศาลฯ สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวก็ต้องหยุดและให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทน และทำงานร่วมกับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เหลืออยู่ โดยพล.อ.ประยุทธ์ สามารถอยู่ใน ครม.ในฐานะ รมว.กลาโหม เพราะเป็นตำแหน่งที่แยกจากนายกรัฐมนตรี แต่หากศาลฯ ไม่ได้มีคำสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ก็คงทำงานต่อไปตามปกติจนกว่าจะมีคำวินิจฉัย
นายวิษณุ กล่าวว่า เชื่อว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้นได้เร็วไม่ล่าช้า ดังนั้นขอให้ในเวลานี้ฝ่ายการเมืองและฝ่ายประจำปฏิบัติหน้าที่ไปตามปกติ เพราะไม่ได้มีความเสี่ยงที่จะทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าศาลฯ จะสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ หยุดหรือไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่ก็ตาม หรือ หากศาลฯ วินิจฉัยว่านายกรัฐมนตรีอยู่ครบ 8 ปีก็จะไม่มีปัญหาอะไรกับการทำหน้าที่ของครม.และข้าราชการ เพราะแม้ว่าพล.อ.ประยุทธ์จะพ้นจากความเป็นนายกรัฐมนตรีและครม.ต้องพ้นไปด้วย แต่ ครม.ก็ยังต้องทำหน้าที่รักษาการณ์ต่อไปจนกว่าจะมี ครม.ชุดใหม่และปฏิบัติหน้าที่ได้ทั้งหมด
ส่วนพล.อ.ประยุทธ์ จะรักษาการนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ตามกฎหมายสามารถทำได้ แต่แนวปฏิบัติขึ้นอยู่กับเจ้าตัวจะเลือกอย่างไร ซึ่งยอมรัยว่าตามปกติเป็นเรื่องที่ไม่ควร เมื่อถึงเวลานั้นอาจให้คนอื่นมาปฏิบัติหน้าที่แทน ซึ่งประธานสภาผู้แทนราษฎรก็ต้องหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ตามบัญชีรายชื่อเดิมที่พรรคการเมืองเสนอไว้ ทุกอย่างจะเดินไปตามขั้นตอนนี้ พร้อมย้ำว่าการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ การเสนองบประมาณสามารถทำได้ตามปกติ และใครที่เกียร์ว่างอาจจะผิดกฎหมายมาตรา 157 ด้วย
ส่วนการที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้แสดงบัญชีทรัพย์สินเมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่งในครั้งที่ 2 เมื่อปี 62 เท่ากับเป็นการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อเนื่องตั้งแต่ปี 57 จะส่งผลต่อคำตัดสินหรือไม่นั้น นายวิษณุ กล่าวว่า เคยให้ความเห็นไว้แล้วว่าเรื่องนี้เป็นคนละประเด็นไม่เกี่ยวกัน การไม่ยื่นไม่มีโทษ แต่จะมีความหมายอย่างไรศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นผู้พิจารณา
ส่วนกรณีสมัยเป็นนายกรัฐมนตรีช่วงคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับการแต่งตั้งโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แต่ปี 62 แต่งตั้งโดย ส.ส.มีนัยหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า มีนัย แต่ไม่ขอพูด แล้วแต่ศาลพิจารณา เป็นทางบวกหรือทางลบก็ไม่ขอตอบ บอกแต่เพียงว่ามีนัยสำคัญ
“หลังจากชี้แจงให้ที่ประชุม ครม.ได้รับทราบ นายกรัฐมนตรี ได้พูดกับ ครม.ว่า นายกรัฐมนตรีไม่กังวลอะไร ขอให้ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ไปตามปกติ ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับศาล”นายวิษณุ กล่าว
ส่วนกรณีที่หากศาลฯ มีคำสั่งหลังวันที่ 24 ส.ค. จะมีผลเสียหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า จะมีผลกับ พล.อ.ประยุทธ์ เพียงคนเดียว ครม.อยู่ครบ แต่เปลี่ยนจาก ครม.จริงเป็น ครม.รักษาการ คำสั่งต่างๆจะไม่เป็นโมฆะ เพราะมาตรา 82 ได้เขียนไว้ แม้มาตรา 82 เป็นเรื่องของ ส.ส.แต่นำมาใช้กับนายกรัฐมนตรีโดยอนุโลม หากส.ส.คนไหนสงสัยว่าเพื่อนส.ส.ด้วยกันพ้นหรือยัง ให้เข้าชื่อ 1 ใน 10 และศาลวินิจฉัยก็ให้มีพ้นย้อนไปถึงวันที่ศาลสั่ง และไม่มีผลกระทบ
ครม.รับทราบแนวปฎิบัติหากศาล รธน.มีคำวินิจฉัยปมวาระ 8 ปี
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า แนวทางการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญมองได้ 3 รูปแบบ คือ
1. ถ้าเริ่มนับจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรก คือเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2557 ตามมาตรา 19 ของรัฐธรรมนูญฉบับปี 2557 ก็จะครบ 8 ปีในวันที่ 23 สิงหาคม 2565
2. ถ้าเริ่มนับจากการเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2562 ตามมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 จะครบ 8 ปี ในวันที่ 8 มิถุนายน 2570
3. ถ้าเริ่มนับจาก วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 6 เมษายน 2560 เพราะมีบทเฉพาะกาลมาตรา 264 ที่ให้คณะรัฐมนตรีเก่า เริ่มเป็นคณะรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ ฉบับใหม่ ซึ่งจะทำให้พลเอกประยุทธ์ครบ 8 ปี ในวันที่ 5 เมษายน 2568
นายอนุชา กล่าวว่า หากศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องก็สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
แต่หากศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่อง สิ่งแรกที่ต้องดำเนินการก็คือ รัฐบาลต้องส่งคำชี้แจงไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนที่สอง คือ หากศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดการปฏิบัติหน้าที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะรักษาการนายกรัฐมนตรีแทน และปฎิบัติหน้าที่ร่วมกับคณะรัฐมนตรีเป็นปกติ โดยในคณะรัฐมนตรี ยังมีพล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในคณะ เนื่องจากมีตำแหน่งรมว.กลาโหม แต่หากศาลฯ ไม่ได้สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรียังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย ดังนั้นในส่วนของฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจำ ที่ปฎิบัติหน้าที่ ยังคงทำงานตามปกติทุกอย่าง
โดยแนวทางทั้งหมดนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้รับทราบแล้ว จากนี้ไปต้องรอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
นายอนุชา ย้ำว่า นายกรัฐมนตรียินดีให้ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์ แต่สุดท้ายแล้ว ขอให้ประชาชนทุกคนได้เคารพกฎหมาย โดยเฉพาะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ถือเป็นที่สิ้นสุด พร้อมขอให้ทุกคนหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า และไม่นำความคิดเห็นส่วนตัวมาตัดสิน เพราะจะทำให้เกิดความขัดแย้ง
นายกฯ ย้ำวาระ 8 ปีอยู่ที่ดุลพินิจศาล-ไม่ขอก้าวล่วง
นายอนุชา บูรพชัยศรี เปิดเผยถึง กรณีการชุมนุมของกลุ่มต่าง ๆ ในช่วงนี้ เพื่อกดดันให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งว่า เรื่องวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของนายกรัฐมนตรีนั้น นายกรัฐมนตรีขอให้ยึดหลักกฎหมายเป็นสำคัญ เพราะทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย รวมถึงตัวนายกรัฐมนตรีเองด้วย ดังนั้นผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะออกมาอย่างไรจึงขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาล นายกรัฐมนตรีไม่อาจก้าวล่วงอำนาจศาลได้
พร้อมกันนี้ ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในกฎหมายและหลักนิติธรรมของบ้านเมือง ซึ่งเป็นกลไกสำคัญของการอยู่ร่วมกันในสังคม และช่วยให้ประเทศชาติสงบสุข
นอกจากนี้ ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันที่ยังมีความเสี่ยงต่อการแพร่และติดเชื้อโควิด-19 การรวมตัวชุมนุมดังกล่าวจึงเสี่ยงที่จะขัดต่อกฎหมายห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตามประกาศก่อนหน้านี้ ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการรวมตัวดังกล่าว และขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางและบริเวณที่มีการชุมนุม เช่น รอบศาลาว่าการ กทม., แยกราชประสงค์, อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และทำเนียบรัฐบาล เพราะอาจไม่ได้รับความสะดวกในการเดินทาง
ฝ่ายค้านนัดแต่งดำตั้งแต่พรุ่งนี้
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านจะแต่งกายด้วยชุดสีดำตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (24 ส.ค.) เป็นต้นไปเพื่อไว้อาลัยให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เนื่องจากมองว่าหากพ้นเวลา 24.00 น.ของวันนี้จะครบการดำรงตำแหน่ง 8 ปีตามทีรับธรรมนูญกำหนดไว้ จากนั้นจะถือว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ เถื่อน
ขณะที่ฝ่ายค้านยังรอติดตามว่าศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องของประธานสภาผู้แทนราษฎรที่ขอให้วินิจฉัยประเด็นดังกล่าวหรือไม่ อย่างไร แต่ยังมั่นใจว่าศาลฯ น่าจะรับไว้พิจารณา เพราะเป็นคำร้องที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
“ส่วนรับแล้วจะมีคำสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ก็ต้องรอฟังวันพรุ่งนี้ (24 ส.ค.) กรณีถ้าศาลฯ รับแล้วมีคำสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ กระบวนการบริหารราชการแผ่นดินก็เป็นไปตามรัฐธรรมนูญที่จะมีนายกฯ รักษาการ โดยเลือกบุคคลในคณะรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมาย คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นั้น ฝ่ายค้านต้องรอดูคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ยืนยันว่าพล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถรักษาการได้ ทำหน้าที่แทนก็ไม่ได้” ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าว
ส่วนกรณีที่หากศาลฯ ไม่ได้มีคำสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่นั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ก็ปฏิบัติหน้าที่ได้เต็มที่ แต่ขึ้นอยู่กับมโนธรรมจิตสำนึก ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านจะประชุมกันวันพรุ่งนี้ว่าจะดำเนินการกันอย่างไรหากเกิดกรณีนี้.