วิจัย “ยาฟ้าทะลายโจร” ในผู้ป่วยโควิด-19 พิสูจน์ประสิทธิภาพ สร้างความมั่นใจ-ความปลอดภัยผู้ป่วย

วิจัย “ยาฟ้าทะลายโจร” ในผู้ป่วยโควิด-19 พิสูจน์ประสิทธิภาพ สร้างความมั่นใจ-ความปลอดภัยผู้ป่วย

คณะอนุกรรมการบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร ได้ออกประกาศ คัดเลือกให้ ยาสารสกัดจากฟ้าทะลายโจรและยาจากผงฟ้าทะลายโจร เข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติ ในข้อบ่งใช้ในผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่มีอาการน้อย เพื่อลดการเกิดโรคที่รุนแรง

 

ต่อมาได้รับการบรรจุในแนวทางเวชปฏิบัติ การวินิจฉัย ดูแลรักษา และป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ซึ่งระบุว่า ยาฟ้าทะลายโจรอาจมีฤทธิ์ต้านไวรัสโคโรนา 2019 หรือ SARS-CoV-2 โดยสามารถต้านการอักเสบ และลดอาการไข้ หวัด เจ็บคอ

 

ทั้งนี้ให้พิจารณาใช้ยาฟ้าทะลายโจรในผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ หรือมีอาการน้อย ไม่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคโควิด-19 ที่รุนแรง และไม่มีข้อห้ามต่อการใช้ยาฟ้าทะลายโจร ซึ่งข้อมูลจากการศึกษาเบื้องต้นพบว่า อาจช่วยลดโอกาสของการเกิดปอดอักเสบได้

 

 

ขณะนี้กำลังมีการศึกษาเพิ่มเติม และไม่แนะนำให้ใช้ยาฟ้าทะลายโจรเพื่อป้องกันการติดเชื้อโรคโควิด-19 รวมถึงยังไม่มีข้อมูลผลการศึกษาการใช้ยาฟ้าทะลายโจรร่วมกับยาต้านไวรัสชนิดอื่น โดยปรับคำแนะนำในการพิจารณาให้ยาฟ้าทะลายโจรในกลุ่มที่ไม่มีอาการ ให้ขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์ รวมถึงไม่ให้ยาฟ้าทะลายโจรและยาต้านไวรัสร่วมกัน เพราะอาจมีผลข้างเคียงจากยา

ฟ้าทะลายโจรจึงนับเป็นสมุนไพรไทยที่เป็นความหวังและเพิ่มโอกาสในการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่มีอาการไม่รุนแรง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งกระบวนการวิจัยจึงมีความสำคัญในการช่วยหาคำตอบถึงประสิทธิผลจากการใช้ยาฟ้าทะลายโจรในการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19

 

ดังนั้น สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) จึงได้สนับสนุนชุดโครงการวิจัย “ประสิทธิศักย์และความปลอดภัยของการใช้ฟ้าทะลายโจรในผู้ป่วยโรคโควิด-19” เพื่อประเมินประสิทธิภาพของสารสกัดฟ้าทะลายโจร สำหรับป้องกันการเกิดปอดอักเสบในผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ไม่มีอาการหรืออาการน้อย รวมทั้งประเมินความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นสำคัญ

 

ดร.ภญ.นพคุณ ธรรมธัชอารี ผู้จัดการงานวิจัย สวรส. กล่าวว่า ที่ผ่านมายังไม่มีหลักฐานทางวิชาการที่ชัดเจนถึงผลการศึกษาของยาฟ้าทะลายโจรต่อการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 และแพทย์ผู้รักษายังขาดความเชื่อมั่นในการเลือกใช้ยาสมุนไพรรักษาโรคโควิด-19 ซึ่งถ้ามีการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์เป็นจำนวนมาก อาจมีโอกาสทำให้เกิดสถานการณ์ยาไม่เพียงพอ

 

ดังนั้นการศึกษายาฟ้าทะลายโจร ทำให้มีหลักฐานทางวิชาการที่น่าเชื่อถือว่าการใช้ยาฟ้าทะลายโจรมีผลในการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 จริงหรือไม่ จึงเป็นทางเลือกที่เป็นความหวังในการใช้รักษาผู้ป่วย นอกจากนี้ยังทำให้เกิดเป็นมาตรฐานการยอมรับการใช้ยาฟ้าทะลายโจรในการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 มากขึ้น

 

 

ทั้งนี้พื้นที่ในการศึกษาวิจัยได้แก่ รพ.สนามเสาไห้ อ.เสาไห้ จ.สระบุรี ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพมิชชั่น อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี รพ.สนามไฮโฮเต็ล อ.หนองแค จ.สระบุรี รพ.สนามมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จ.นครนายก และ รพ.สนามเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี โดยมีเป้าหมายในการเก็บข้อมูลผู้ป่วยประมาณ 700 คน

 

ซึ่งงานวิจัยดังกล่าวได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาการศึกษาวิจัยในคนด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกแล้ว รวมถึงการเก็บข้อมูลทั้งหมดต้องได้รับความยินยอมจากผู้ป่วยทุกราย ซึ่งผลการวิจัยสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาแนวทางการใช้ยารักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 ตลอดจนเป็นข้อมูลประกอบการสนับสนุนการใช้ยาสมุนไพรไทย และลดค่าใช้จ่ายด้านยาของประเทศ โดยคาดว่าจะสรุปผลวิจัยได้ภายในเดือนพฤศจิกายน 2565