สิงคโปร์ ชวนแยกขยะ e-waste รับบัตรกำนัล-สิทธิพิเศษ

สิงคโปร์ ชวนแยกขยะ e-waste รับบัตรกำนัล-สิทธิพิเศษ

สำนักงานสิ่งเเวดล้อมเเห่งชาติ (National Environment Agency – NEA) ประเทศสิงคโปร์ ได้เริ่มประกาศใช้ระบบการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-waste ทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 1 ก.ค.64 ที่ผ่านมา

 

ภายใต้แผน ‘ขยะเป็นศูนย์’ (Zero Waste Master Plan) ซึ่งวางเป้าหมายจะลดปริมาณขยะจำนวน 1 ใน 3 ที่จะส่งไปยังหลุมฝังกลบ Semakau ภายในปี 2573

 

โดย NEA ได้กำหนดรายการ regulated e-waste จากปริมาณขยะที่เกิดขึ้นจากสินค้าหมดอายุประเภทต่างๆ เเละผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสิ่งเเวดล้อมเเละสุขภาพของสาธารณะ หากไม่ได้ถูกกำจัดหรือรีไซเคิลอย่างถูกวิธี เช่น เเผงโซลาร์เซลล์ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า คอมพิวเตอร์ หลอดไฟ เเบตเตอรี่ ฯลฯ

 

การดำเนินการรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ของสิงคโปร์ ได้ผลักดันโครงการต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีค่าใช้จ่าย เช่น ถังขยะรีไซเคิล e-waste บริการกำจัด e-waste โดยเทศบาลเขต บริการรถรับ e-waste ตามเขตที่อยู่อาศัย

 

ขณะเดียวกันบริษัท Alba ได้เพิ่มความสะดวกของรีไซเคิล e-waste ให้กับชาวสิงคโปร์ โดยการวางถังขยะ e-waste มากกว่า 300 ถังในห้างสรรพสินค้าเเละซูเปอร์มาร์เก็ต โดยผู้บริโภคจะได้รับคะเเนนเมื่อรีไซเคิล e-waste ผ่านเเอปพลิเคชัน Step up โดยสเเกนรหัส QR Code เเละถ่ายภาพe-waste ที่จะรีไซเคิลตามจุดรวบรวม e-waste

โดยคะแนนดังกล่าว จะสามารถเเลกบัตรกำนัลจาก Grab หรือบริการต่างๆ เช่น บริการรถโดยสาร จัดส่งอาหาร เเบ่งปันจักรยาน เเละผลิตภัรฑืด้านความงามเเละสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งเเวดล้อม

 

นอกจากนี้ยังมี โครงการ Cash for Trash ที่เปิดโอกาสให้ผู้อาศัยตามเขตต่างๆในสิงคโปร์สามารถนำขยะรีไซเคิลมาขายเป็นเงินได้

 

สถิติตั้งแต่เดือน ก.ค.-ส.ค.64 Alba ได้รวบรวมอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ประมาณ 200 ตัน โดย 80% เป็นเครื่องปรับอากาศ ในขณะที่อีก 20% เป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพา

 

ด้านสถิติการจัดการรีไซเคิลขยะประมาณ 100 ตันโดยบริษัท Virogreen สามารถฟื้นฟู e-waste ให้กลับมาใช้งานได้ถึง 80% – 100% นอกจาการส่ง e-waste ที่รีไซเคิลให้ผู้ผลิตเเล้ว บริษัทได้เเยกเเละซ่อม e-waste ที่มีสภาพดีนำไปบริจาคเพื่อเพิ่มอัตรากู้คืนชิ้นส่วนวัตถุดิบอีกด้วย

 

สำหรับกระบวนการรีไซเคิลดังกล่าว ยังคงพบความท้าทาย จากขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ได้รับการควบคุม (unregulated e-waste) เช่น เครื่องปั๊มน้ำนม ของเล่นเด็ก เครื่องนวดไฟฟ้าพกพา คิดเป็น 30% ของขยะ e-waste ที่ถูกทิ้งในถังขยะรีไซเคิล ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการ ต้องสิ้นเปลืองทรัพยากรเเละกำลังคนเพิ่มขึ้นในกระบวนการคัดเลือก

 

ด้านประเทศไทย มีขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เกิดจากการใช้งานภายในประเทศกว่า 400,000 ตันต่อปี โดยมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่นิยมสินค้าอิเล็กทรอนิกส์รุ่นใหม่อยู่ตลอดเวลา

 

หากประเทศไทยสามารถยกระดับระบบการบริหารจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถจัดเก็บและรวบรวมขยะจากชุมชนเพื่อนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้ราวร้อยละ 20.0 ของปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เกิดจากชุมชนทั้งหมด ในระยะอีก 4 ปี ข้างหน้า

 

รวมถึงมีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการสกัดโลหะมีค่าหายากที่หลากหลายชนิดขึ้น น่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ตลาดรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ในไทยสามารถขยายตัวได้อย่างมีศักยภาพ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า หากสถานการณ์เป็นไปตามเป้าหมายดังกล่าวข้างต้น ตลาดรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ไทยในปี 2564 น่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 10,290 – 11,420 ล้านบาท ขยายตัวกว่าร้อยละ 109.1 – 128.3 จากปี 2560

 

ที่มา : สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์