นวัตกรรม “พื้นดินขัดมัน” สะอาด ทน ราคาถูก ยั่งยืน เข้าถึงได้

นวัตกรรม “พื้นดินขัดมัน” สะอาด ทน ราคาถูก ยั่งยืน เข้าถึงได้

EarthEnable องค์กรไม่แสวงหากำไรในสหรัฐอเมริกา ซึ่งก่อตั้งโดยกลุ่มนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงและพัฒนาพื้นบ้านให้ครัวเรือนที่มีรายได้น้อยในรวันดาและอูกันดา โดยนำนวัตกรรมพื้นดินขัดมัน ที่มีต้นทุนต่ำ และเข้าถึงได้ ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนเหล่านี้

 

ประชากรรวันดา 75% อาศัยอยู่ในบ้านที่เป็นพื้นดินธรรมดา ที่ซึ่งเป็นศูนย์รวมของปัญหาสุขภาพ ทั้งโรคท้องร่วง พยาธิ และฝุ่นละออง ที่มีผลต่อโรคทางเดินหายใจ ซึ่งโรคท้องร่วง เป็น 1 ในสาเหตุสำคัญในการเสียชีวิตของเด็กในรวันดา

 

 

ขณะเดียวกันเมื่อฝนตก พื้นดินเหล่านี้จะเปลี่ยนเป็นโคลน น้ำจะพัดพาเอาสิ่งปฏิกูลของทั้งคนและสัตว์ รวมทั้งแมลง มาอยู่รวมในที่เดียวกันซึ่งก่อให้เกิดโรคต่างๆอีกมากมาย

 

ปัญหาด้านความยากจน จึงทำให้คนเหล่านี้ไม่สามารถที่จะปูพื้นบ้านใหม่ด้วยคอนกรีต ที่มีค่าใช้จ่ายสูงมากถึง 2เท่าของรายได้ครัวเรือนโดยเฉลี่ยได้

 

 

EarthEnable Rwanda ซึ่งเป็นสาขาของ EarthEnable จึงได้พัฒนานวัตกรรม “พื้นดินขัดมัน” (earthen floor) ซึ่งมีต้นทุนต่ำ โดยใช้ส่วนประกอบจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ดินเหนียว ดินลูกรัง ทราย ที่หาได้จากในท้องถิ่นมาอัดแน่นเป็นชั้น ๆ แล้วเคลือบพื้นผิวด้วยน้ำมันแฟล็กซีด ทำให้พื้นผิวมีความเงางาม ทำความสะอาดง่ายและมีความทนทานต่อการใช้งานได้นานถึง 10-15 ปี

 

 

เทคนิคดังกล่าว มีค่าใช้จ่ายถูกกว่าการปูพื้นด้วยคอนกรีตถึง 75% โดยคิดราคาปูพื้นดินขัดมันเป็นเงินเพียง 2.50 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 84 บาท) ต่อ ตร.ม. (หากพื้นที่บ้านเฉลี่ย 25 ตร.ม. เป็นเงินทั้งหมด 63 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2,100 บาท) ซึ่งชาวบ้านหลายครอบครัวสามารถจ่ายได้

 

ขณะเดียวกัน EarthEnable Rwanda ยังมีทางเลือกให้ชาวบ้านสามารถผ่อนชำระเงินได้นาน 3 เดือน และยังสามารถเลือกปูพื้นใหม่ทั้งบ้านในคราวเดียว หรือจะทำทีละห้องก่อนก็ได้

 

 

นอกจากนี้การเลือกใช้วัสดุธรรมชาติแทนคอนกรีต ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า เพราะอุตสาหกรรมผลิตปูนซีเมนต์นั้นปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากถึง 5% ของปริมาณทั้งหมดทั่วโลก

 

ข้อมูลพบว่า ตั้งแต่เริ่มต้นโครงการจนถึงเดือนพ.ค.64 มีบ้านในรวันดา และยูกันดา ที่เปลี่ยนพื้นบ้านเป็นดินขัดมันแล้วถึง 9,933 หลัง ครอบคลุมจำนวนประชากรประมาณ 41,718 คน และทำให้คนในพื้นที่ซึ่งรับเป็นช่างก่อสร้างมีงานทำเต็มเวลาแล้ว 181 คน