“เด็กแคมป์ก่อสร้าง” ภาพสะท้อนความเหลื่อมล้ำสาธารณสุข ในยุคโควิด

“เด็กแคมป์ก่อสร้าง” ภาพสะท้อนความเหลื่อมล้ำสาธารณสุข ในยุคโควิด

การที่ประเทศไทย และทั่วโลก ต้องเผชิญกับวิกฤตการแพร่ะระบาดของโควิด-19 โดยมี่ไม่ใครเคยคาดคิดมาก่อน ทำให้ปัญหาหลายประการที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขถูกสะท้อนออกมาให้เห็นเป็นภาพชัดเจนมากยิ่งขึ้น

 

สิทธิเด็กตามหลักสากล คือ 1 ในปัญหาที่ปรากฏเด่นชัดให้เราได้เห็นในสังคมไทย เรื่องของความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงโอกาสทางการศึกษา จากการเรียนออนไลน์ หรือแม้แต่การเข้าถึงระบบสาธารณสุขขั้นพื้นฐาน ซึ่งมีเด็กจำนวนไม่น้อยที่ไม่อาจเข้าถึงระบบดังกล่าวได้

เรายังคง “ทิ้งเด็กส่วนหนึ่ง” ที่อาจเรียกพวกเขาว่า “กลุ่มเด็กเปราะบาง” ซึ่งรวมไปถึงเด็กเร่ร่อน เด็กต่างด้าว เด็กจากครอบครัวยากจน ฯลฯ อีกจำนวนมากเอาไว้ข้างหลัง จากหลายเหตุผลทั้งเรื่องของความไม่พร้อมในระบบการจัดการ ข้อจำกัดทางกฎหมาย หรือผลบังคับใช้ในทางปฏิบัติที่ไม่สามารถทำให้เกิดรูปธรรมของการช่วยเหลือและการพัฒนาที่ยั่งยืนกับเด็กกลุ่มนี้ได้

ในที่นี้เรากำลังพูดถึง “เด็กแคมป์ก่อสร้าง” มุมเล็กๆของปัญหาสังคม ที่ประกอบไปด้วย เด็กจากครอบครัวยากจน และเด็กต่างด้าว ที่พ่อแม่มาชีพเป็นแรงงานก่อสร้าง และไม่รับผลกระทบจากวิกฤตโควิดอย่างหนักหน่วงเช่นเดียวกับอาชีพอื่นๆ

ในเวทีเสวนาทางวิชาการ ““ชะตากรรมและอนาคตของเด็กเปราะบางในสถานการณ์โควิด” ซึ่งจัดขึ้นโดย สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ร่วมกับคณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ม.มหิดล ได้ฉายภาพถึงปัญหาดังกล่าวให้เราได้รับรู้

“เด็กต่างด้าวมีบริบทชีวิตที่ซับซ้อน อยู่ภายใต้สภาพสังคมและครอบครัวที่แตกต่างจากเด็กทั่วไป ที่สำคัญคือเรื่องตัวบทบัญญัติทางกฎหมายที่มีมากมาย แต่ด้วยแนวทางปฏิบัติที่ไม่สามารถทำได้จริง ก็ไม่ต่างอะไรกับการเพิกเฉยและปล่อยให้ชีวิตของพวกเขาเป็นไปตามยถากรรม

ดังนั้นการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมกับคนทำงานจริงในพื้นที่ เช่น กลุ่มครูข้างถนน จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพื่อการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกวิธี” “รศ.ดร.ลือชัย ศรีเงินยวง เครือข่ายนักวิจัย สวรส. สังกัดศูนย์จิตตปัญญาศึกษา คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ม.มหิดล กล่าวแสดงคามคิดเห็น

ด้าน พญ.โชษิตา ภาวสุทธิไพศิฐ สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต ได้สะท้อนภาพของเด็กต่างด้าวในแคมป์คนงานก่อสร้าง ว่า รัฐบาลยังขาดมาตรการรองรับเพื่อการป้องกัน การเข้าถึงและดูแลรักษาการติดเชื้อภายในครอบครัว ส่งผลให้เด็กในครอบครัวของคนงานต่างด้าวติดเชื้อเพิ่มเป็นจำนวนมาก

โดยมีกลุ่มเด็ก0-5 ปีต่างชาติที่ติดเชื้อสะสมประมาณ 5,000 รายตั้งแต่เดือน เม.ย.64 และไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ซึ่งพบว่า มีเด็กเสียชีวิตสะสมประมาณ 10 ราย

เนื่องจากเด็กต่างด้าวจำนวนมากไม่มีสถานะทางทะเบียน ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานด้านสุขภาพ รวมทั้งเมื่อเด็กไม่ได้อยู่ในโรงเรียนหรือศูนย์การเรียนที่เข้าถึงได้ ทำให้ระบบสาธารณสุขไม่ได้เตรียมการรองรับสำหรับเด็กกลุ่มนี้

ขณะที่การจัดทำฐานข้อมูลเกี่ยวกับเด็กต่างด้าวนั้นเป็นไปได้ยาก เนื่องจากเด็กจำนวนมากไม่มีสถานะทางทะเบียน รวมทั้ง มีการอพยพเคลื่อนย้ายที่อยู่ตามการทำงานของพ่อแม่ที่เป็นแรงงาน หรือเดินทางไปมาระหว่างไทยกับประเทศบ้านเกิด ที่ทำให้การติดตามตัวเกิดขึ้นได้ยากด้วยเช่นกัน

“ในช่วงโควิด-19 สิ่งที่เด็กในกลุ่มครอบครัวของคนงานก่อสร้างต้องเจอกับปัญหาการติดเชื้อและการแพร่ระบาดในกลุ่มนี้มากยิ่งขึ้น ส่วนหนึ่งเพราะบางครอบครัวยังเป็นแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ปิดบังตัวตนเอาไว้เนื่องจากความกลัว ทำให้ไม่ยอมแจ้งข้อมูลที่ชัดเจน” พ.ญ.โชษิตา กล่าว

ด้าน “ทองพูล บัวศรี” ผู้จัดการโครงการครูข้างถนน มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก กล่าวถึงประสบกาณ์ของการทำงานช่วยเหลือเด็กเปราะบางในช่วงโควิด ว่า ไซต์งานก่อสร้างบางแห่ง เมื่อพบว่ามีแรงงานติดเชื้อก็มักจะปกปิดและไม่เปิดเผยข้อมูล แต่จะใช้วิธีจัดการกันเอง ซึ่งเราพบว่าทำให้เกิดปัญหาเพิ่มขึ้น มีผลกระทบต่อเด็กในแคมป์คนงานโดยตรง

ทางมูลนิธิฯ จึงต้องทำงานเชิงรุก ด้วยการขออนุญาตเจ้าของโครงการเพื่อเข้าพื้นที่ไปดูแลเด็กๆ พร้อมกับประสานหน่วยงานภายนอก และงบสนับสนุนจากสปสช. เพื่อสนับสนุนอุปกรณ์ และยารักษาโรคให้แก่เด็กเพื่อการป้องกันและรักษาได้มากที่สุด

 

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ

รพ.สต. “มดงาน” ด่านหน้า สาธารณสุขไทย ต่อสู้โควิด-19