ข้อมูลจากองค์การสหประชาชาติ (UN) ประเมินว่า 80% ของน้ำเสียจากทั่วโลก จะไหลกลับสู่ระบบนิเวศ โดยไม่ได้รับการบำบัดหรือถูกนำกลับมาใช้อีก โดยน้ำเสียเหล่านั้นจะไหลลงสู่แม่น้ำ ลำคลอง และทะเล ทำให้เกิดมลพิษทางน้ำ ที่มีผลต่อการอุปโภคบริโภคของคน และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลสิงคโปร์ จึงตัดสินใจเริ่มต้นโครงการพัฒนาระบบบำบัดน้ำเสียผ่านการใช้นวัตกรรม ด้วยความหวังที่จะเพิ่มความสามารถในการพึ่งพาตนเองให้มากขึ้น
โหลว เพ่ย ชิน หัวหน้าทีมวิศวกรแผนกฟื้นฟูน้ำ ของคณะกรรมการสาธารณูปโภคสิงคโปร์ บอกกับ เอเอฟพี ว่า สิงคโปร์ขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติ และมีพื้นที่อันจำกัด โดยสิงคโปร์ มีช่องทางการบริหารจัดการน้ำหลัก เช่น การนำเข้าน้ำ การกักเก็บน้ำไว้ในอ่างเก็บน้ำ และกระบวนการแยกเกลือออกจากน้ำทะเล และกำลังจะเพิ่ม “การนำกลับมาใช้ใหม่ที่ไม่มีวันสิ้นสุด” หรือการรีไซเคิลน้ำ เข้าไปเป็นอีก 1 ในยุทธศาสตร์

ระบบรีไซเคิลน้ำ ที่สิงคโปร์ใช้อยู่นั้น มีศูนย์กลางใหญ่อยู่ที่โรงงาน Changi Water Reclamation Plant ซึ่งตั้งอยู่ทางชายฝั่งตะวันออกของเกาะ โดยมีการนำเทคโนโลยีชั้นสูงมาใช้ในการดำเนินงาน และส่วนหนึ่งของโรงงานนี้ตั้งอยู่ใต้ดินที่มีความลึกเท่ากับอาคาร 25 ชั้น เพื่อรับน้ำเสียที่ไหลผ่านมาทางอุโมงค์ยักษ์เชื่อมต่อกับบ่อน้ำเสียต่างๆ ที่มีขนาดความยาว 48 กม.
.
ภายในโรงงานแห่งนี้ เป็นเหมือนเขาวงกตที่มีเครื่องจักร ท่อและถังเหล็กขนาดต่างๆ รวมทั้งระบบกรอง ร่วมกันทำหน้าที่บำบัดน้ำเสียปริมาณสูงสุดได้ถึง 900 ล้านลิตร/วัน หรือมากพอที่จะนำไปเปลี่ยนน้ำในสระว่ายน้ำมาตรฐานโอลิมปิกทุก 24 ชั่วโมงตลอด 1 ปีเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีอาคารอีกแห่งที่ได้รับการติดตั้งเครื่องระบายอากาศเพื่อช่วยขจัดกลิ่นเน่าเสียของน้ำ ที่เข้าสู่ระบบบำบัด

น้ำเสียที่ส่งเข้ามายังโรงงานแห่งนี้ จะต้องเข้าสู่ขั้นตอนการกรองเบื้องต้น ก่อนที่จะส่งต่อไปยังส่วนงานที่อยู่บนดินเพื่อทำการบำบัดในขั้นตอนต่อไป ซึ่งประกอบไปด้วยการทำความสะอาดเพื่อกำจัดเชื้อต่างๆ ทั้งแบคทีเรียและไวรัส ด้วยกระบวนการกรองล้ำสมัย รวมทั้งการฆ่าเชื้อด้วยรังสีอัลตราไวโอเล็ต
สิ่งที่ได้เป็นผลลัพท์ของกระบวนการทั้งหมดคือ ผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อว่า NEWater ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกนำไปใช้ในโรงงานผลิตไมโครชิป ที่มีอยู่อย่างดาษดื่นทั่วสิงคโปร์ ซึ่งต้องการใช้น้ำคุณภาพสูงในการผลิต และระบบทำความเย็นภายในอาคาร
ขณะเดียวกัน สิงคโปร์ ได้เตรียมขยายระบบการรีไซเคิลน้ำ โดยการสร้างอุโมงค์ใต้ดิน และโรงงานบำบัดน้ำขนาดใหญ่ เพิ่มอีกในพื้นที่ด้านตะวันตกของเกาะ โดยมีกำหนดที่จะสร้างเสร็จภายในปี ค.ศ. 2025
.
คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 10,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือกว่า 244,000 ล้านบาทเพื่ออัพเกรดโครงสร้างพื้นฐานที่ทำหน้าที่บำบัดน้ำ เมื่อโครงการเสร็จสิ้นสมบูรณ์
ข้อมูลระบุว่า ระบบที่สิงคโปร์นำมาใช้บำบัดน้ำเสียนี้ สามารถช่วยลดปัญหามลพิษทางน้ำด้วย เนื่องจากมีการปล่อยน้ำที่ได้รับการบำบัดแล้วเป็นจำนวนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นกลับคืนลงสู่ทะเล ซึ่งเป็นสิ่งที่แตกต่างจากสิ่งที่เกือบทุกประเทศทั่วโลกทำอยู่
หน่วยงานดูแลกิจการที่เกี่ยวกับน้ำของสิงคโปร์ ประเมินไว้ว่า การนำน้ำเสียกลับมาใช้ใหม่นี้จะช่วยตอบสนองความต้องการน้ำสำหรับอุปโภค-บริโภค ภายในประเทศได้ถึง 40% ของความต้องการรวม และคาดว่าจะสามารถเพิ่มขึ้นถึงระดับ 55% ได้ภายในอีก 40 ปีข้างหน้าหรือประมาณปี ค.ศ.2060
เรื่องอื่นที่น่าสนใจ
