กรณีมีการเผยแพร่ทางออนไลน์พร้อมทั้งแชร์ข้อมูลต่อๆกัน ถึงการใช้ “ยาแก้อักเสบ” หรือ “Amoxicillin” ในการรักษาโควิด-19 จนทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ยาแก้อักเสบ สามารถรักษาโควิด-19 ได้จริงหรือไม่นั้น
ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดย ภญ. สุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข รักษาราชการแทนรองเลขาธิการ อย. ได้ออกมาเปิดเผยว่า ยาปฏิชีวนะ 2 ชนิด ได้แก่ อะม็อกซีซิลลิน (Amoxycilin) และอะซิโธรมัยซิน (Azithomycin) ไม่สามารถใช้รักษาโควิด-19 ได้ ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสได้
โดยยา Amoxicillin และยา Azithomycin เป็นยาปฏิชีวนะใช้รักษาโรคหรืออาการที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่ง Amoxicillin จัดอยู่ในกลุ่มเพนิซิลลิน (Penicillin) ใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินหายใจ ทางเดินปัสสาวะ หู คอ จมูก และผิวหนัง เป็นต้น
ส่วนยา Azithomycin จัดอยู่ในกลุ่มแมคโครไลน์ (Macrolide) ใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น โรคปอดบวม โรคหลอดลมอักเสบ ทอนซิลอักเสบ ไซนัสอักเสบ การติดเชื้อที่หูชั้นกลาง การติดเชื้อที่ทางเดินหายใจ เป็นต้น
ทั้งนี้การใช้ยาปฏิชีวนะจำเป็นต้องได้รับคำแนะนำในการใช้ยาจากแพทย์หรือเภสัชกร เพราะหากรับประทานยาปฏิชีวนะไม่ถูกวิธีจะทำให้เกิดเชื้อดื้อยา ภายหลังเมื่อป่วยจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อจะมีความทนต่อยามากขึ้น ทำให้ใช้ยาไม่ได้ผลนำไปสู่การเสียชีวิตได้
สอดคล้องกับ ผศ.นพ.กำธร มาลาธรรม รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ม.มหิดล และนายกสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย ซึ่งให้ข้อมูลว่า ยาปฏิชีวนะ Amoxicillin เป็นยาที่สกัดมาจากสารกึ่งสังเคราะห์ซึ่งมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย ไม่ได้มีฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัส
ส่วนใหญ่ใช้รักษาอาการทอนซิลอักเสบ หรือลำคออักเสบรวมทั้งต่อมน้ำเหลืองอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อกลุ่มStreptococci ซึ่งหากนำไปใช้อย่างผิดๆ เช่นเพื่อรักษาโควิด-19 อาจให้เชื้อแบคทีเรียดื้อยา จนเกิดอาการติดเชื้อถึงขั้นเสียชีวิตได้
“ประชาชนไม่ควรซื้อยามารับประทานเองโดยหลงเชื่อข่าวลวง เพราะอาจได้ยาที่ไม่ตรงกับโรค แม้อาจไม่ส่งผลรุนแรงถึงแก่ชีวิต แต่ก็อาจทำให้การรักษายุ่งยากมากขึ้น เสียค่าใช้จ่ายมากขึ้น เป็นการเสียทรัพย์โดยไม่เกิดประโยชน์ใดๆ เลย” นพ.กำธร กล่าว
