นักวิจัยอาหาร NTU สิงคโปร์ คิดค้นจากใช้ “เปลือกทุเรียน” ขยะเหลือทิ้งจากการบริโภค มาทำ พลาสเตอร์ปิดแผลชนิดเจล ต้านเชื้อแบคทีเรีย ลดการทิ้ง-เผาขยะ ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม
ศาสตราจารย์ วิลเลียม เฉิน ผู้อำนวยการโครงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง (NTU) ประเทศสิงคโปร์ กล่าวถึงนวัตกรรม พลาสเตอร์เจลปิดแผลจาก “เปลือกทุเรียน” ว่า เป็นการพัฒนา “ไฮไดรเจล” ซึ่งมีต้นแบบมาจากการสกัดเซลลูโลส ในกากถั่วเหลือง ก่อนต่อยอดมาใช้กับ เปลือกทุเรียน

“สิงคโปร์นำเข้าทุเรียน 8,900 ตันในช่วงครึ่งแรกของปี 2018 ในปีหนึ่งๆ มีการบริโภคทุเรียน ถึง 12 ล้านลูก ทุเรียน 1 ลูก ประกอบได้เปลือกทุเรียน ถึง 60% ซึ่งมักจะถูกทิ้งเป็นขยะอาหาร และเผาเป็นเถ้าถ่าน ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม” เฉิน กล่าว

กระบวนการผลิต พลาสเตอร์เจล จึงเกิดขึ้นโดย การนำเปลือกทุเรียนที่หั่นแล้ว มาสกัดผงเซลลูโลส จากนั้นนำไปทำให้แห้งแบบแช่เย็นถึงจุดเยือกแข็ง แล้วนำผงมาผสมกับกลีเซอรอล ซึ่งเป็นผลพลอยได้ของเสียจากอุตสาหกรรมไบโอดีเซลและสบู่ กลายเป็น “ไฮโดรเจล” ซึ่งช่วยให้แผลเย็นและชื้น เร่งการสมานตัว และช่วยลดรอยแผลเป็น
ก่อนจะเพิ่มโมเลกุลอินทรีย์ที่ผลิตจากยีสต์ของขนมปังที่เรียกว่า “ฟีนอล” ทำให้ผ้าพันแผลเป็นอันตรายต่อแบคทีเรีย และช่วยให้แผลที่ผิวหนังหายเร็วขึ้น
โดยจากกระบวนนี้ สามารถสกัดผงเซลลูโลสบริสุทธิ์ได้ 40 กรัมจากเปลือกทุเรียน 3 กก. จะทำไฮโดรเจลขนาด 7 ซม. x 7 ซม. ได้ 66 ชิ้น ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นพลาสเตอร์ปิดแผลขนาด 1 ซม. X 2 ซม. ได้ประมาณ 1,600 ชิ้น

การผลิตพลาสเตอร์เจลดังกล่าว มีความปลอดภัย และมีต้นทุนต่ำกว่า เนื่องจากสกัดมาจากวัสดุเหลือใช้จากธรรมชาติ แตกต่างจาก แผ่นไฮโดรเจลทั่วไปในท้องตลาด ที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์ ซึ่งมีสารต้านจุลชีพที่ใช้สารประกอบโลหะ เช่นไอออนเงิน หรือทองแดง เป็นส่วนประกอบ
ขณะที่ต้นทุนการผลิต พลาสเตอร์เจลปิดแผล แบบเดิมอยู่ที่ กก.ละ 27,000 เหรียญสิงคโปร์ (6.6 แสนบาท) แต่เมื่อใช้กระบวนการผลิตใหม่นี้ จะอยู่ที่ประมาณ 120 เหรียญสิงคโปร์ หรือประมาณ 2,900 บาท

“พลาสเตอร์เจล จากเปลือกทุเรียน มีราคาถูก ย่อยสลายได้ทางชีวภาพและปลอดสารพิษ ซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แรงจูงใจของเราไม่ใช่การขายพลาสเตอร์ปิดแผล แต่เพื่อพิสูจน์ว่าขยะอาหารข้างทาง สามารถนำรีไซเคิลได้ นอกจากนี้ยังไม่มีกลิ่นทุเรียน ซึ่งผู้ใช้บางคนไม่ชอบอีกด้วย” เฉิน กล่าว
