นวัตกรรม “รองเท้าจากเห็ด” ของ อาดิดาส (Adidas) กำลังจะกลายเป็นเทรนด์แฟชั่นเพื่อสิ่งแวดล้อมในโลกยุคใหม่ ที่หลายๆ ผู้ผลิตด้านอุตสาหกรรม เน้นให้ความสำคัญเรื่องของความยั่งยืน
อาดิดาส กำลังมีเป้าหมายสำคัญในการพัฒนานวัตกรรมวัสดุ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยุติการใช้ขนสัตว์ และการสร้างขยะพลาสติก เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศอย่างยั่งยืน
เป้าหมายดังกล่าว ได้ปรากฏให้เห็นจากนับตั้งแต่ปี 2015 ซึ่ง อาดิดาส ได้จับมือกับ องค์กรเพื่อสิ่งแวดล้อม Parley for the oceans ผลิตรองเท้าวิ่งยอดนิยม Parley Ocean Plastic จากขยะพลาสติก ที่เก็บได้จากชายหาดและทะเล ก่อนที่จะมีการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2020 มีการผลิตรองเท้ารุ่นดังกล่าวออกมามากกว่า 15 ล้านคู่ และเพิ่มขึ้นในปีนี้อีกกว่า 17 ล้านคู่
สำหรับ “รองเท้าจากเห็ด” หรือ Stan Smith Mylo™ เป็นการโชว์ศักยภาพของนวัตกรรม ที่สามารถขยายขอบเขตของวัสดุหนังทางเลือก โดยใช้ Stan Smith รองเท้ารุ่นคลาสสิกของอาดิดาส มาเป็นจุดขาย โดยผลิตจาก ไมซีเลียม (mycelium leather) หรือ กลุ่มโครงสร้างใยแมงมุมของเชื้อรา แบบที่มีในเห็ด จากห้องแล็บ
แผ่นวัสดุดังกล่าวถูกปลูกขึ้น จากกระบวนการเทคนิคการเกษตรแนวตั้งที่ทันสมัย ในระยะเวลา 2 สัปดาห์ จากนั้นจึงฟอกและย้อม เพื่อสร้างหนังไมซีเลียมที่เรียกว่า “Mylo” ซึ่งเป็นนวัตกรรมเดิมของ Bolt Threads บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐอเมริกา และได้รับการพัฒนาจากอาดิดาสให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อใช้ทำรองเท้า
แม้ก่อนหน้านี้ “Mylo” ได้ถูกใช้เป็นวัสดุ เครื่องแต่งกายของ Stella McCartney แต่ Stan Smith Mylo™ ถือเป็นครั้งแรกที่ใช้วัสดุนี้สร้างรองเท้าคู่หนึ่ง
ขณะเดียวกันที่ผ่านมา อาดิดาส ก็ได้ทำงานร่วมกับ Stella McCartney เพื่อสร้าง Stan Smiths เวอร์ชั่นวีแกน ซึ่งไม่วัสุดุจากพืช โดยปราศจากหนังสัตว์และพลาสติก และเปิดตัวรองเท้ารุ่น Primegreen ที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล 50 %
ปัจจุบัน อาดิดาส ได้ใช้วัสดุรีไซเคิลจากโพลีเอสเตอร์มากกว่า 50% และตั้งเป้าว่าภายในปี 2567 จะเพิ่มปริมาณจากโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลให้ได้สูงสุด 100%
“การเปิดตัว Mylo เป็นวัสดุใหม่ ที่ถือเป็นก้าวสำคัญในความทะเยอทะยานของเรา ที่จะช่วยยุติการสร้างขยะพลาสติก เราเรียนรู้ที่จะทำงานกับธรรมชาติมากกว่าที่จะต่อต้านมัน และใช้ความพยายามทั้งหมดของเรา ในการค้นหานวัตกรรม ซึ่งออกถึงความรับผิดชอบในฟื้นฟูและอยู่ร่วมกับระบบนิเวศอย่างยั่งยืน” Amy Jones Vaterlaus หัวหน้าฝ่าย Global Head of Future ของอาดิดาส กล่าว
