ที่ประชุมร่วม ป.ป.ช.-อัยการสูงสุด มีมติชี้มูลความผิด เตรียมสั่งฟ้อง วิรัช ส.ส.พลังประชารัฐ และประธานวิปรัฐบาล จากกรณีทุจริตเงินงบประมาณก่อสร้างสนามฟุตซอล จ.นครราชสีมา โดยใช้เวลาร่างคำฟ้อง 60 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (26 พ.ย.63) ที่ประชุมคณะทำงานร่วมระหว่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กับ อัยการสูงสุด (อสส.) ได้มีการประชุมพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ในคดีที่ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย และพวก กรณีทุจริตเงินจัดสรรงบประมาณก่อสร้างสนามฟุตซอลโรงเรียนในพื้นที่เขตการศึกษาที่ 2 จ.นครราชสีมา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ซึ่งก่อนหน้านี้คณะทำงานร่วมเคยมีมติเห็นควรสั่งฟ้องนายวิรัช ส่งไปยังอัยการสูงสุด
สำหรับคดีทุจริตจัดสรรงบประมาณก่อสร้างสนามฟุตซอลโรงเรียนในพื้นที่เขตการศึกษาที่ 2 จ.นครราชสีมานั้น ตามสำนวนการไต่สวนของ ป.ป.ช. ระบุว่า ผู้ถูกกล่าวหาซึ่งประกอบด้วยผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ข้าราชการระดับสูง และกลุ่มเอกชน มีพฤติการณ์ร่วมกันทุจริตเชิงนโยบาย และเป็นตัวการร่วมกันในลักษณะการแบ่งหน้าที่กันทำ ตามบทบาทตามหน้าที่และอำนาจที่แต่ละคนมี และเป็นการสนับสนุนช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการกระทำความผิด โดยผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เจ้าหน้าที่ของรัฐ และเอกชนร่วมดำเนินการอย่างเป็นระบบและเป็นกระบวนการโดยทุจริต
โดยเริ่มจากขั้นตอนการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบประมาณปี พ.ศ.2555 (งบแปรญัตติ) ให้กับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในจังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดอื่น รวมจำนวน 18 จังหวัด วงเงินประมาณ 4,459,420,000 บาท ใน 2 โครงการหลัก 1 ในนั้นคือ โครงการก่อสร้างสนามกีฬาฟุตซอล รวมถึงมีการวางแผนในการทุจริตในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างอีกหลายประการ เพื่อให้กลุ่มเอกชนที่เป็นพรรคพวกของตนเองได้เข้าเป็นคู่สัญญา และการก่อสร้างสนามกีฬาฟุตซอลไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริงตรงตามวัตถุประสงค์ โดยมีการชี้มูลการกระทำผิดเป็น 7 สำนวน และอัยการสูงสุด มีคำสั่งฟ้องไป 1 สำนวน ส่วนสำนวนที่เหลืออยู่ระหว่างการพิจารณาของ อสส.
อย่างไรก็ตามการประชุมร่วมวันดังกล่าวได้มีการแจ้งคำสั่งอัยการสูงสุดให้ฟ้อง นายวิรัช รัตนเศรษฐ ในคดีดังกล่าว โดยฝ่ายอัยการจะใช้ระยะเวลาเพื่อร่างคำฟ้องประมาณ 60 วัน ก่อนจะยื่นต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป
ข่าวที่น่าสนใจ