การเคหะฯ เปิดโครงการ “สินเชื่อผู้มีรายได้น้อย” ให้ยื่นกู้ซื้อบ้านเอื้ออาทร ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท เพิ่มโอกาสให้กับผู้มีรายได้น้อย มีบ้านเป็นของตนเอง
นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า การเคหะแห่งชาติ ได้เปิด “โครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย” เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อจากสถาบันการเงินทั่วไป ให้มีโอกาสได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ภายใต้กรอบวงเงิน 5,207 ล้านบาท โดยในปี 2563 และปี 2564 สำนักงบประมาณได้พิจารณาจัดสรรงบประมาณให้การเคหะแห่งชาติกว่า 690 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ประมาณ 1,000 ราย
ทั้งนี้ จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจของประเทศเกิดการชะลอตัว ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อของสถาบันการเงินได้ เกิดการค้างชำระเงินค่างวดต่างๆ รวมถึงการค้างชำระค่างวดที่อยู่อาศัย
ดังนั้นเพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น โดยปัจจุบันมีลูกค้าที่ผ่านการอนุมัติสินเชื่อแล้ว จำนวน 43 ราย คิดเป็นวงเงินสินเชื่อประมาณ 29 ล้านบาท และยังอยู่ระหว่างการพิจารณาสินเชื่ออีกจำนวน 18 ราย
สำหรับลูกค้าโครงการบ้านเอื้ออาทร (ยกเว้นโครงการบ้านเอื้ออาทรสวนพลูพัฒนา เอื้ออาทรรัฐเอื้อราษฎร์กองทัพเรือ และเอื้ออาทรพัทลุง) และโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุดที่ 1-5 (เชิงสังคม) ที่มีราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ที่ไม่ผ่านการพิจารณาสินเชื่อจากสถาบันการเงิน สามารถยื่นขอสินเชื่อกับโครงการดังกล่าวได้ ในอัตราดอกเบี้ย 3.5% ในปีที่ 1-2 อัตราดอกเบี้ย 4% ในปีที่ 3-4 และอัตราดอกเบี้ย 4.5 % ในปีที่ 5
โดยกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเช่าซื้อโครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยฯ ดังนี้
1) ผู้เช่าซื้อต้องมีสัญชาติไทย
2) ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
3) รายได้ครัวเรือนไม่เกิน 41,600 บาท/เดือน/ครัวเรือน
4) อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ แต่ไม่เกิน 60 ปี (กรณีอายุเกิน 60 ปี ต้องหาผู้เช่าซื้อร่วม และจะพิจารณาเป็นรายๆ)
5) ทำสัญญาเช่าซื้อร่วมได้ไม่เกิน 2 คนต่อสัญญา
6) เป็นผู้มีอาชีพและรายได้ที่สามารถตรวจสอบได้และสอดคล้องกับหลักฐานที่นำมาแสดง
7) ให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลเครดิต โดยผู้ที่สนใจสามารถยื่นขอสินเชื่อเช่าซื้อและตอบแบบสัมภาษณ์การขอเช่าซื้อ พร้อมแสดงเอกสารและหลักฐานครบถ้วนได้ที่สำนักงานใหญ่ การเคหะแห่งชาติ และสำนักงานเคหะนครหลวง หรือ สำนักงานเคหะจังหวัดในพื้นที่ หรือสอบถามรายละเอียดของโครงการฯ เพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1615
ข่าวที่น่าสนใจ
“ฮ่องกง-ซูริก-ปารีส” เบอร์หนึ่งเมืองค่าครองชีพแพงที่สุดในโลก
