โฆษกรัฐบาลแจง “เฮลิคอปเตอร์” ภารกิจมั่นคง ไม่เกี่ยวชุมนุม-รัฐประหาร

โฆษกรัฐบาลแจง “เฮลิคอปเตอร์” ภารกิจมั่นคง ไม่เกี่ยวชุมนุม-รัฐประหาร


โฆษกรัฐบาล เตือนม็อบ “25 พฤศจิกา” อย่าทำผิดกฎหมาย ตำรวจพร้อมเอาผิดทันที แจง “เฮลิคอปเตอร์” บินวนรอบกรุงเทพฯ เพราะภารกิจความมั่นคง ไม่เกี่ยวการชุมนุมเลย

วันที่ 24 พฤศจิกายน 2563 – นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนถึงการชุมนุมในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2563 ที่บริเวณสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์โดยขอความร่วมมือกลุ่มผู้ชุมนุมเคารพกฎหมาย ปฏิบัติตามคำเตือนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความรุนแรง ซึ่งในการชุมนุมที่ผ่านมา จะมีการเตือนจากตำรวจเป็นระยะว่าสามารถทำอะไรได้ ทำอะไรไม่ได้ สำหรับการชุมนุมตำรวจได้ขอความร่วมมือไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมรุกล้ำเข้าในพื้นที่บริเวณที่ห้ามเข้า พร้อมวอนผู้ชุมนุมหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า การปะทะ รวมทั้งรับฟังคำแนะนำของตำรวจว่าพื้นที่ใดสามารถเข้าไปได้ และพื้นที่ใดไม่สามารถทำได้ เพื่อให้ภาพรวมเป็นไปด้วยความสงบ เนื่องจากระยะเวลาที่ผ่านมาได้พบเห็นการดำเนินการของกลุ่มผู้ชุมนุม เช่น บริเวณหน้ารัฐสภา บริเวณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ผิดกฎหมายอย่างชัดเจน ทั้งการทำลายทรัพย์สินของทางราชการและเอกชนด้วยการสาดสี พ่นสเปรย์สี ด้วยข้อความที่ไม่เหมาะสม

นายอนุชา กล่าวอีกว่า การชุมนุมโดยสงบสามารถดำเนินการได้อยู่แล้ว แต่หากมีการละเมิดกฎหมาย รัฐบาลและตำรวจจำเป็นต้องดำเนินคดี เพราะประเทศไทยยึดหลักนิติรัฐ และนิติธรรม อีกทั้งทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ทั้งนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีย้ำว่า การชุมนุมสามารถดำเนินการการได้ตามสิทธิ แต่ขอทุกฝ่ายเคารพกฎหมาย หลีกเลี่ยงการกระทำผิดในทุกมาตรา ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงวานนี้แล้วว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มข้นขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามถึงประเด็น ที่มีเฮลิคอปเตอร์บินต่ำในพืน้ที่กรุงเทพมหานคร และมีการอ้างว่าอาจจะเกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงไปยังการทำรัฐประหาร นายอนุชา กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน และตำรวจได้ชี้แจงต่อที่ประชุมความมั่นคงแล้วว่าเป็นภารกิจความมั่นคง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการชุมนุม

ทั้งนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยว่าในวันที่ 25 พ.ย. 63 นายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมประชุมกับผู้บริหารสภาธุรกิจสหรัฐ – อาเซียน (US-ASEAN Business Council) ในรูปแบบการประชุมกึ่งออนไลน์เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 โดยผู้บริหารบางส่วนที่อยู่ต่างประเทศจะเข้าร่วมการประชุมผ่านทางไกล (Video Conference) และผู้บริหารเจ้าหน้าที่ที่พำนักอยู่ในประเทศไทยจะเข้าร่วมประชุม ณ ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ประกอบด้วยผู้บริหารและผู้แทนภาคเอกชนจำนวน 89 คน จาก 38 บริษัท จาก 8 กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ พลังงานและโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สุขภาพและวิทยาศาสตร์ อาหารและการเกษตร การผลิตและภาษี การบริหารทางการเงิน การท่องเที่ยวและการคมนาคม เพื่อหารือถึงแนวทาง มาตรการของเศรษฐกิจไทยหลังโควิด-19 รวมทั้งรับฟังข้อเสนอจากนักธุรกิจสหรัฐอเมริกาเพื่อยกระดับประเทศไทยเป็นศูนย์กลางที่น่าลงทุนในภูมิภาคอาเซียน โดยสภาธุรกิจสหรัฐ – อาเซียน มีกำหนดการพบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่าง ๆ อีกด้วย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

#เฮลิคอปเตอร์ แชร์สนั่นโลกออนไลน์ ผวาเกิดรัฐประหาร