ซูปเปอร์โพล เผย ม็อบโซเชียลใช้บัญชี ตปท. ปลุกปั่นชุมนุมผ่าน IG

ซูปเปอร์โพล เผย ม็อบโซเชียลใช้บัญชี ตปท. ปลุกปั่นชุมนุมผ่าน IG


ซูปเปอร์โพล ชี้ ม็อบโซเชียลเบนเข็นจาก “ทวิตเตอร์” ใช้ “IG” แทน พบข้อความปลุกปั่นส่วนใหญ่มาจากบัญชีต่างประเทศ ด้าน “เฟซบุ๊ก” กลายเป็นช่องทางสร้างความรักสามัคคี

 

นายนพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลการศึกษา เรื่อง “ม็อบโซเชียลที่แปรเปลี่ยน กับ ความสุขประเทศไทยวัยที่แตกต่าง” กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ พบว่าจากผลสำรวจในเรื่องแนวโน้มของการปลุกปั่นกระแสม็อบในโลกโซเชียลแปรเปลี่ยนไปในลักษณะที่ลดลงในหลายตัวชี้วัดของการปลุกปั่น เช่น #เยาวชนปลดแอก #ให้มันจบที่รุ่นเรา และแม้แต่ #ประยุทธ์ออกไป กับ การปลุกปั่นกระแสเกี่ยวกับสถาบันหลักของชาติก็ลดน้อยลงเช่นกัน

ขณะเดียวกันยังพบว่า มีกลุ่มผู้ใช้งานในโลกโซเชียลที่เคลื่อนไหวสูง ขับเคลื่อนข้อความการเมือง ในช่วง 30 วันที่ผ่านยังคงมาจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทยมีจำนวนมากกว่ากลุ่มผู้ใช้งานในโลกโซเชียลที่เคลื่อนไหวสูง ภายในประเทศไทย

สิ่งที่ที่น่าพิจารณาคือ ข้อความการเมืองที่ว่า หยุดคุกคามประชาชน มีกลุ่มบัญชีเคลื่อนไหวสูงอยู่ในประเทศไทยจำนวน 23,185 บัญชีแต่มาจากต่างชาติ 1,889,533 บัญชี นอกจากนี้ ข้อความ เยาวชนปลดแอก มีอยู่ในประเทศไทย 21,947 บัญชี แต่มาจากต่างชาติ 832,676 บัญชี และที่น่าสนใจคือ ข้อความการเมืองปั่นกระแสที่ว่า ให้มันจบที่รุ่นเรา มีในประเทศไทย 14,235 บัญชี แต่รวมการปั่นกระแสจากต่างประเทศจำนวน 1,796,689 บัญชี

และแม้แต่ ข้อความการเมืองที่ว่า ประยุทธ์ออกไป มีอยู่ในประเทศไทย 30,631 บัญชีที่เคลื่อนไหวสูง แต่รวมจากต่างประเทศเข้าไปพบจำนวนทั้งสิ้น 301,013 บัญชี และข้อความเกี่ยวกับสถาบัน พบบัญชีที่เคลื่อนไหวสูงในประเทศไทยมีเพียง 364 บัญชี แต่ถ้ารวมจากต่างประเทศด้วยมีจำนวน 130,258 บัญชี รวมกลุ่มคนที่ใช้ VPN ในการแอบแฝงอำพรางตัวตนที่แท้จริง แต่ไม่สามารถหลบหนีการตรวจจับรู้เห็นของเครือข่ายผู้ให้บริการ ( ISP )และจังหวะของการรั่วไหลจากคุณภาพของ VPN ได้

นอกจากนี้ผลการศึกษายังพบด้วยว่า ช่องทางของโซเชียลมีเดีย ในการขับเคลื่อนปลุกปั่นกระแสอารมณ์ของม็อบในโซเชียลมีเดียแปรเปลี่ยนไปคือ จากเดิมใช้ Twitter เป็นช่องทางในอันดับที่หนึ่ง แต่วันนี้ ผลการศึกษาพบว่าใช้ อินสตาแกรม (IG) มาเป็นอันดับแรกในหลายข้อความการเมือง เช่น หยุดคุกคามประชาชน ใช้ อินสตาแกรม ร้อยละ 60.1 ใช้ทวิตเตอร์ ร้อยละ 35.7 ใช้เฟซบุ๊กเพียงร้อยละ 0.1 ใช้สำนักข่าว ร้อยละ 1.4 และอื่น ๆ ร้อยละ 2.7 สำหรับ ข้อความการเมืองที่ว่าเยาวชนปลดแอก พบว่าใช้ อินสตาแกรม ร้อยละ 45.2 ใช้ทวิตเตอร์ ร้อยละ 42.1 ใช้เฟซบุ๊ก ร้อยละ 2.9 ใช้สำนักข่าว ร้อยละ 5.4 และใช้อื่น ๆ ร้อยละ 4.4

ในขณะที่ข้อความการเมืองที่ว่า ให้มันจบที่รุ่นเรา ใช้อินสตาแกรม ร้อยละ 55.1 ใช้ทวิตเตอร์ ร้อยละ 39.5 ใช้เฟซบุ๊ก ร้อยละ 0.6 ใช้สำนักข่าวร้อยละ 0.9 และใช้อื่น ๆ ร้อยละ 3.9 นอกจากนี้ที่น่าสนใจคือ ข้อความการเมืองที่ว่า ประยุทธ์ออกไปพบว่าใช้ทวิตเตอร์ ร้อยละ 93.6 ใช้อินสตาแกรม ร้อยละ 2.9 ใช้สำนักข่าว ร้อยละ 1.6 ใช้อื่น ๆ ร้อยละ 1.9 โดยอาจมีการใช้เฟซบุ๊กปะปนอยู่ในจำนวนของช่องทางอื่น ๆ นอกจากนี้ ข้อความเกี่ยวกับสถาบัน พบใช้อินสตาแกรม ร้อยละ 78.5 ใช้ทวิตเตอร์ ร้อยละ 20.5 ใช้อื่น ๆ ร้อยละ 1.0 โดยไม่พบเจอในสำนักข่าวและเฟซบุ๊กในการศึกษาครั้งนี้

ในส่วนของการปลุกปั่นกระแสอารมณ์ของม็อบในโลกโซเชียลพบว่า หลังจากวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา มีความพยายามจะปลุกปั่นกระแสเพิ่มขึ้น แต่หลังจากวันที่ 24 ต.ค.เป็นต้นมา แนวโน้มกระแสข้อความการเมืองต่าง ๆ ลดต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ตามแผนภาพที่แสดง จนถึงวันที่ 4 – 5 พ.ย. ที่ผ่านมามีกระแสเยาวชนปลดแอกโผล่ขึ้นเล็กน้อยและลดต่ำลงจนถึงวันนี้

นอกจากนี้ผลสำรวจภาคสนามประชาชนทั่วไป พบประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือ ความสุขของเยาวชนต่ำกว่าความสุขของคนวัยอื่น ๆ ในหลายตัวชี้วัด เช่น ความสุขต่ออนาคต อาชีพการงาน ความสุขต่อรายได้ของตนเอง ความสุขต่อความรักความสามัคคีของคนในชาติ และความสุขต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ เป็นต้น

เมื่อถามถึงความสุขในมิติต่าง ๆ ของประชาชนวัยที่แตกต่างกัน เมื่อคะแนนเต็ม 10 คะแนน พบว่า เยาวชนอายุไม่เกิน 24 ปี มีความสุขที่เห็นคนไทยเป็นหนึ่งเดียวกันแสดงความจงรักภักดี อยู่ที่ 5.71 คะแนน ส่วนคนอายุระหว่าง 25 – 39 ปี มีความสุขที่เห็นคนไทยเป็นหนึ่งเดียวกันแสดงความจงรักภักดี อยู่ที่ 6.20 คะแนน ขณะที่คนอายุระหว่าง 40 – 59 ปี มีความสุขที่เห็นคนไทยเป็นหนึ่งเดียวกันแสดงความจงรักภักดี อยู่ที่ 7.17 คะแนน และคนอายุ 60 ปีขึ้นไป มีความสุขที่เห็นคนไทยเป็นหนึ่งเดียวกันแสดงความจงรักภักดี อยู่ที่ 7.58 คะแนน

ที่น่าพิจารณาคือ เยาวชนอายุไม่เกิน 24 ปี มีความสุขในครอบครัว 6.85 คะแนน คนอายุระหว่าง 25 – 39 ปีหรือคนเข้าสู่การทำงานระยะแรกของชีวิตมีความสุขในครอบครัวต่ำสุด ต่ำกว่าทุกกลุ่มวัยอยู่ที่ 6.19 คนอายุระหว่าง 40 – 49 ปี มีความสุขในครอบครัวอยู่ที่ 7.10 และคนอายุ 60 ปีขึ้นไป มีความสุขในครอบครัวอยู่ที่ 7.51 คะแนน

แต่เมื่อถามถึง ความสุขในชุมชน พบว่า เยาวชนอายุไม่เกิน 24 ปี มีความสุขในชุมชนต่ำสุดคืออยู่ที่ 5.77 คะแนนจากเต็ม 10 คะแนน คนอายุระหว่าง 25 – 39 ปี มีความสุขในชุมชนอยู่ที่ 6.12 คะแนน คนอายุระหว่าง 40 – 49 ปี มีความสุขในชุมชนอยู่ที่ 6.68 คะแนน และคนอายุ 60 ปีขึ้นไปมีความสุขในชุมชนอยู่ที่ 6.88 คะแนน

ที่น่าห่วง คือ ความสุขต่ออนาคต อาชีพการงาน พบว่า เยาวชนอายุไม่เกิน 24 ปี มีความสุขต่อ อนาคต อาชีพการงาน ต่ำสุด ต่ำกว่าทุกกลุ่มอายุ อยู่ที่ 5.62 คะแนนจากเต็ม 10 คะแนน คนอายุระหว่าง 25 – 39 ปี มีความสุขต่ออนาคต อาชีพการงาน อยู่ที่ 6.08 คะแนน คนอายุระหว่าง 40 – 59 ปี มีความสุขต่ออนาคต อาชีพการงาน อยู่ที่ 6.30 คะแนน และคนอายุ 60 ปีขึ้นไป มีความสุขต่ออนาคต อาชีพการงานอยู่ที่ 6.68 คะแนน

นอกจากนี้ ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งคือ ความสุขต่อนักการเมืองพบว่า กลุ่มคนเกือบทุกช่วงอายุมีความสุขต่อนักการเมืองต่ำกว่าเกณฑ์เมื่อคะแนนเต็ม10 คะแนน กลุ่มเยาวชนอายุไม่เกิน 24 ปี มีความสุขต่อนักการเมืองอยู่ที่ 4.85 คะแนน คนอายุระหว่าง 25 – 39 ปี มีความสุขต่อนักการเมืองอยู่ที่ 5.76 คะแนน คนอายุระหว่าง 40 – 59 ปี มีความสุขต่อนักการเมืองอยู่ที่ 4.85 คะแนน และคนอายุ 60 ปีขึ้นไป มีความสุขต่อนักการเมืองต่ำสุดคืออยู่ที่ 4.12 คะแนน นอกจากนี้ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งคือเยาวชนอายุไม่เกิน 24 ปี มีความสุขต่อเศรษฐกิจของประเทศ ต่ำสุด คือ เพียง 3.82 คะแนนจากคะแนนเต็ม 10 คะแนน

ในขณะที่ คนอายุ 25 – 39 ปีมีความสุขต่อเศรษฐกิจของประเทศเกินครึ่งเพียงเล็กน้อยคือ อยู่ที่ 5.40 คะแนน ที่เหลือคนอายุระหว่าง 40 – 59 ปีมีความสุขต่อเศรษฐกิจของประเทศต่ำกว่าเกณฑ์เช่นกันคืออยู่ที่ 4.74 คะแนน และคนอายุ 60 ปีขึ้นไปก็เช่นกันมีความสุขต่อเศรษฐกิจของประเทศต่ำกว่าเกณฑ์ คือมีเพียง 4.04 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน

อย่างไรก็ตาม ความสุขของประชาชนต่อความรักความสามัคคีของคนในชาติ ยังไม่ถึงขั้นวิกฤติ หรือเลวร้ายจนเกินไป ถึงแม้เยาวชนอายุไม่เกิน 24 ปี มีความสุขต่อความรักความสามัคคีของคนในชาติต่ำสุดคือ อยู่ที่ 5.21 คะแนน คนอายุระหว่าง 25 – 39 ปี มีความสุขต่อความรักความสามัคคีของคนในชาติ อยู่ที่ 6.02 คะแนน คนอายุระหว่าง 40 – 59 ปี มีความสุขต่อความรักความสามัคคีของคนในชาติ อยู่ที่ 6.01 คะแนนและคนอายุ 60 ปีขึ้นไป มีความสุขต่อความรักความสามัคคีของคนในชาติ อยู่ที่ 5.91 คะแนน

ที่น่าสนใจคือ คนทุกกลุ่มวัยในวันนี้ยังมีความสุขโดยรวมอยู่ในระดับที่ค่อนข้างมีความสุขคือ เยาวชนอายุไม่เกิน 24 ปี มีความสุขรวม อยู่ที่ 6.28 คะแนน คนอายุระหว่าง 25 – 39 ปี มีความสุขรวม อยู่ที่ 6.21 คะแนน คนอายุ 40 – 59 ปี มีความสุขรวม อยู่ที่ 6.60 คะแนน และคนอายุ 60 ปีขึ้นไป มีความสุขรวมสูงสุด อยู่ที่ 6.93 คะแนน

ผลการศึกษาเกาะติดกระแสม็อบในโลกโซเชียลพบว่า มีการเปลี่ยนแปลงในทั้งรูปแบบและปริมาณของแนวโน้มที่ใช้ช่องทางการปั่นกระแสเปลี่ยนแปลงไปจากการใช้ทวิตเตอร์ มาเป็นการใช้อินสตาแกรมมากที่สุดในแต่ละข้อความการเมืองที่ศึกษา แต่ที่น่าพิจารณาคือ เฟซบุ๊ก กลับกลายเป็นช่องทางโซเชียลมีเดียที่อาจจะเป็นช่องทางเสริมสร้างความรู้รักสามัคคีของคนในชาติ แตกต่างไปจากช่องทางอื่น ๆ ได้อย่างดีและไม่ถูกใช้ในการปั่นยอดปั่นกระแสเชิงปริมาณที่ทำให้ดูว่ามีจำนวนเป็นล้าน ๆ บัญชีแตกต่างไปจากช่องทางโซเชียลมีเดียอื่น ๆ อย่างชัดเจน

ข่าวที่น่าสนใจ

“ก้าวไกล” แนะ “นายกฯ” ลาออก หลังปัดตก พ.ร.บ.ยกเลิกเกณฑ์ทหาร