“สุริยะ” ดันแผนพัฒนาอุตสาหกรรม เครื่องจักรกลเต็มสูบ มุ่งสนับสนุนเกษตรแปรรูป ชี้เป็นจุดเริ่มต้นการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจภายใน-ฐานราก ลดการพึ่งพาต่างประเทศ
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เปิดเผยว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ซึ่งพบว่ามีการพึ่งพาตลาดต่างประเทศมากเกินไป
ดังนั้น กระทรวงจึงได้ผลักดันแผนพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลให้เป็นอุตสาหกรรมสนับสนุนเพิ่มขีดความสามารถการผลิตทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตรกรรม ลดการนำเข้าจากต่างประเทศและหันมาใช้เครื่องจักรกลที่ผลิตภายในประเทศแทน เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่พึ่งพาต่างประเทศ สร้างความเข็มแข็งให้กับเศรษฐกิจภายในและเศรษฐกิจฐานราก
โดยจากข้อมูลปี 2562 ประเทศไทยมีการนำเข้าอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลคิดเป็นมูลค่ากว่า 415,776.9 ล้านบาท และขาดดุลการค้าคิดเป็นมูลค่ากว่า 223,381 ล้านบาท จึงได้ให้สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เร่งจัดทำแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลที่ชัดเจน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรและเกษตรแปรรูปที่จะช่วยสนับสนุนภาคการเกษตรให้ขยายตัว
“ในระยะแรกจะมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรและเกษตรแปรรูป เนื่องจากปัจจุบันภาครัฐได้มีนโยบายส่งเสริมการเกษตรและแปรรูปการเกษตรเพื่อมุ่งเป็นฐานการผลิตด้านอาหาร และ Bio-based product โดยผู้ผลิตเครื่องจักรกลการเกษตรของไทยมีความสามารถในการผลิตเครื่องจักรกลที่มีเทคโนโลยีที่ไม่ซับซ้อนมากนักสำหรับใช้ในประเทศและส่งออกไปยังกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งถือเป็นการเพิ่มมูลค่าผลผลิตภาคการเกษตรซึ่งเป็นเศรษฐกิจฐานรากที่สำคัญของไทยให้สามารถตอบสนองความต้องการและสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก ลดการพึ่งพาการนำเข้าเครื่องจักรกลการเกษตรและเกษตรแปรรูปจากต่างประเทศ และเพิ่มโอกาสในการพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องจักรกลและอุปกรณ์การเกษตรที่มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ภายในประเทศ” นายสุริยะ กล่าวปิดท้าย
ด้านนายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า การจัดทำมาตรการการพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลในระยะแรกเป็นมาตรการระยะ 5 ปี จะมุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรและเกษตรแปรรูป
โดยมีแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลตามแผน คือ 1) การกระตุ้นอุปสงค์ ผลักดันให้เกิดการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่งเสริมและสนับสนุนการจับคู่ธุรกิจระหว่างเอกชนกับเอกชนและเอกชนกับรัฐบาล
2) สนับสนุนอุปทาน สร้างเครือข่ายอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ รวมถึงอุตสาหกรรมสนับสนุนประเภทชิ้นส่วน ยกระดับขีดความสามารถผู้ประกอบการให้เข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง ผลักดันให้เกิดการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม สนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ำแก่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
3) เสริมสร้างปัจจัยแวดล้อม เช่น เพิ่มมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) เครื่องจักรกลและชิ้นส่วนที่เป็นเป้าหมายตามมาตรฐานสากล จัดตั้งศูนย์ทดสอบเครื่องจักรกลการเกษตรแห่งชาติหรือสร้างเครือข่ายศูนย์ทดสอบเครื่องจักรกลการเกษตรที่เป็นมาตรฐานสากลเพื่อการตรวจสอบและการออกหนังสือรับรองมาตรฐานสินค้า
ข่าวที่น่าสนใจ
“สุพัฒนพงษ์” สั่ง กฟผ.-ปตท. ดูแลไฟฟ้า-น้ำมัน เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบพายุ “โนอึล”
