เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติธารเสด็จ-เกาะพะงัน พบซากเต่าตนุเกยตื้น บนหาดสลัด เกาะพะงัน เบื้องต้นพบเชือกในล่อนในกระเพาะ เร่งส่งสัตว์แพทย์หาสาเหตุการตายแน่ชัด
เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติธารเสด็จ-เกาะพะงัน สุราษฎร์ธานี ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณหาดสลัด ต.เกาะพะงัน อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี หลังได้รับแจ้งจากราษฎรในพื้นที่ว่าพบเต่าเกยตื้น จากการตรวจสอบพบว่าเป็นซากเต่าตนุ อายุประมาณ 20 ปี ความยาว 80 ซม. ความกว้าง 60 ซม. น้ำหนักตัวประมาณ 100 กิโลกรัม สภาพภายนอกเน่า เกล็ดกระดองหลุด ไม่พบไมโครชิพ ผ่าดูสภาพภายในพบ รอยช้ำตามกล้ามเนื้อ กระเพาะอาหารพบสาหร่าย เปลือกหอย หมึก และพบสิ่งแปลกปลอม เชือกในล่อน จึงได้นำส่งสัตว์แพทย์เพื่อทำการชันสูตรหาสาเหตุการตายที่แน่ชัด

สำหรับเต่าตนุเป็นเต่าทะเลที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่และมีน้ำหนักมากเมื่อโตเต็มที่จะมีความยาวตั้งแต่หัวจรดหางประมาณ 1 เมตร น้ำหนักราว 130 กิโลกรัม หัวป้อมสั้น ปากสั้น เกล็ดเรียงต่อกันโดยไม่ซ้อนกัน กระดองหลังโค้งนูนเล็กน้อย บริเวณกลางหลังเป็นแนวนูนเกือบเป็นสัน ท้องแบนราบขาทั้งสี่แบนเป็นใบพาย ขาคู่หลังมีขนาดเล็กกว่าขาคู่หน้ามาก ขาคู่หน้ามีเล็บแหลมเพียงข้างละชิ้น สีของกระดองดูเผิน ๆ มีเพียงสีน้ำตาลแดงเท่านั้น
แต่ถ้าหากพิจารณาให้ละเอียดจะพบว่าเกล็ดแต่ละเกล็ดของกระดองหลังมีสีน้ำตาลแดงหรือน้ำตาลอมเขียว ขอบเกล็ดมีสีอ่อน ๆ เป็นรอยด่างและมีลายเป็นเส้นกระจายออกจากจุดสีแดงปนน้ำตาล คล้ายกับแสงของพระอาทิตย์ที่ลอดออกจากเมฆ จึงมีชื่อเรียกเต่าชนิดนี้ว่าอีกชื่อหนึ่งว่า “เต่าแสงอาทิตย์” ขณะที่ชาวตะวันตกเรียกว่า “เต่าเขียว” อันเนื่องจากมีกระดองเหลือบสีเขียวนั่นเอง
โดยเต่าชนิดนี้เป็นเต่าที่กินทั้งพืชและสัตว์ แต่จะกินพืชเป็นหลัก โดยกินอาหารจำพวกหญ้าทะเลหรือสาหร่ายทะเล โดยมีสัตว์น้ำขนาดเล็กทั่วไป เช่น ปลาหรือแมงกะพรุน เป็นอาหารรองลงไป
ทั้งนี้ เรามักพบเต่าตนุในเขตน้ำตื้นใกล้ชายฝั่งหรือตามเกาะต่าง ๆ โดยกระจายพันธุ์ทั้งในมหาสมุทรแอตแลนติก มหาสมุทรอินเดีย และมหาสมุทรแปซิฟิก ในน่านน้ำไทยพบทั้งที่อ่าวไทยและทะเลอันดามัน นับเป็นเต่าทะเลชนิดที่พบได้บ่อยที่สุดในน่านน้ำไทย
โดยมักพบในเขตที่มีอุณหภูมิน้ำที่ค่อนข้างอุ่น คือ สูงกว่า 20 องศาเซลเซียสขึ้นไป โดยขึ้นมาวางไข่มากที่เกาะครามและเกาะกระในอ่าวไทย และทางฝั่งทะเลอันดามันพบวางไข่มากที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตา บนชายหาดและเกาะหลายแห่งในจังหวัดภูเก็ตและพังงา
โดยเต่าตนุจะโตเต็มที่เมื่ออายุได้ 4–7 ปี เชื่อกันว่าอายุยืนถึง 80 ปี ฤดูวางไข่ตกอยู่ในราวเดือนมิถุนายนจนถึงเดือนกันยายนในบริเวณอ่าวไทย และอยู่ในราวเดือนกันยายนจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ในทะเลอันดามัน จำนวนไข่ต่อครั้งมีตั้งแต่ 70–150 ฟอง เต่าขนาดโตเต็มที่แล้วจะว่ายน้ำหากินไปเรื่อย ๆ แต่จะกลับมาวางไข่บนชายหาดที่ถือกำเนิด
อย่างไรก็ตาม เต่าตนุมีแหล่งวางไข่ ที่ฝั่งอ่าวไทย ได้แก่ เกาะคราม จ.ชลบุรี และเกาะกระ จ.นครศรีธรรมราชส่วนฝั่งอันดามัน ได้แก่ เกาะสิมิลัน เกาะสุรินทร์ (เกาะตอริลลา เกาะสต็อก) เกาะระ เกาะพระทอง เกาะคอเขา จ.พังงา และหมู่เกาะอาดังราวี จ.สตูล
อ้างอิง
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B8%B8
https://web.facebook.com/prhotnews02/posts/2307557869389686?_rdc=1&_rdr
ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
หมอหนู ชู “กัญชง” พืชเศรษฐกิจใหม่ หนุนแปรรูปเป็นสินค้าสุขภาพ
