กรมประมงเร่งปั้น “กะพงทอง” ขึ้นสังเวียนสัตว์น้ำเศรษฐกิจตัวใหม่

กรมประมงเร่งปั้น “กะพงทอง” ขึ้นสังเวียนสัตว์น้ำเศรษฐกิจตัวใหม่


ไม่ต้องห่วง “ปลากะพง” จะหมดไป กรมประมงดัน “ปลากะพงทอง” เป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจชนิดใหม่ แถมภูเก็ตเพาะพันธุ์สำเร็จ เลี้ยงไม่เกิน 9 เดือน จับส่งขึ้นโต๊ะอาหารได้เลย

 

ปลากะพงทอง ถือเป็นสัตว์น้ำที่ขึ้นชื่อ และพร้อมจะขึ้นโต๊ะอาหารไม่เพียงแต่เฉพาะคนไทยเท่านั้น หากแต่มันกำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มผู้บริโภคหลายประเทศ ทั้ง มาเลเซีย จีน ฮ่องกง และผลที่ว่าทำให้กรมประมงเล็งเห็นช่องทางที่จะผลักดันให้ “กะพงทอง” เป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจชนิดใหม่ของไทย ที่ต้องดำเนินการในเชิงพาณิชย์

 

 

อธิบดีกรมประมง นายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบายถึงการผลักดันให้ปลากะพงทองมีการเพาะเลี้ยงในเชิงพาณิชย์สำหรับประเทศไทย เหตุผลหนึ่งคือ ขณะนี้ยังไม่มีการเพาะเลี้ยงในเชิงพาณิชย์อย่างแพร่หลาย อีกทั้ง ปลากระพงทองที่ขายกันในเวลานี้ ราคาค่อนข้างสูงเนื่องจากต้องจับตามธรรมชาติ และหากมีการวางระบบเพาะเลี้ยงที่ดี จะช่วยให้คนไทยมีช่องทางรายได้ที่มากตาม และจะกระตุ้นเศษฐกิจภาพรวมของประเทศได้ด้วย

“ปลากะพงทอง ถือเป็นปลาทะเลที่ตลาดมีความต้องการอย่างมาก หากขนาด 800-1,000 กรัม อยู่ที่กิโลกรัมละ 180-220 บาทเลยทีเดียว กรมประมงจึงอยากจะสนับสนุนให้เร่งทำการศึกษา วิจัย การเพาะพันธุ์เพื่อรองรับตลาด และส่งเสริมให้เกษตรเลี้ยงปลากระพงทองเพื่อสร้างอาชีพและรายได้ที่มั่นคง” อธิบดีกรมประมง ขยายความ

 

 

สอดรับกับ นางพิชญา ชัยนาค ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งเขต 5 (ภูเก็ต) กองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง กล่าวในรายละเอียดเพิ่มเติมว่า “ปลากะพงทอง” หรือ “อังเกย” เป็นปลาทะเลที่พบได้ในทะเลฝั่งอันดามัน บริเวณจังหวัดภูเก็ต กระบี่ และพังงา มีชื่อสามัญว่า Golden Snapper และชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Lutjanus johnii

ลักษณะลำตัวมีสีเหลืองทอง และมีจุดสีดำใหญ่ๆ บริเวณลำตัวค่อนมาทางครีบหาง ปากมีเขี้ยวและฟันแหลมคม เนื้อแน่น รสชาติดี มีกรดไขมันกลุ่มโอเมก้า 3 สูง สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น นึ่งซีอิ้ว ต้มยำ แกงส้ม ทอดกระเทียม ลวกจิ้ม และซาซิมิ เป็นต้น

ซึ่งปัจจุบันศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งเขต 5 (ภูเก็ต) สามารถเพาะพันธุ์ปลากะพงทองได้สำเร็จ โดยใช้วิธีการฉีดฮอร์โมน Suprefact ร่วมกับ Motilium ทั้งในพ่อและแม่พันธุ์ปลาที่จับจากธรรมชาติเพื่อกระตุ้นการสืบพันธุ์ แล้วปล่อยให้ปลาผสมพันธุ์กันเองตามธรรมชาติ โดยเมื่อเดือนพฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา แม่ปลาที่ฉีดฮอร์โมนได้วางไข่ และไข่ฟักออกเป็นตัว อัตราฟักร้อยละ 85 จากนั้นจึงนำลูกปลาวัยอ่อนไปอนุบาลต่อในบ่อคอนกรีต ซึ่งลูกปลามีอัตราการรอดและการเจริญเติบโตที่ดี

ทั้งนี้ ปัจจุบันทางศูนย์ฯ สามารถดำเนินการผลิตลูกพันธุ์ปลากะพงทองขนาด 3 เซนติเมตร หรือ 1.2 นิ้ว ซึ่งเป็นขนาดที่เหมาะสมต่อการนำไปเลี้ยงในกระชังได้จำนวนหลายรุ่นต่อเนื่อง โดยมีการจำหน่ายให้แก่เกษตรกร ในราคาเริ่มต้นตัวละ 2 บาท (ขนาด 1 เซนติเมตร) ซึ่งมีเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียง เช่น พังงา และกระบี่ ได้นำลูกพันธุ์ไปเลี้ยงในกระชังบริเวณริมฝั่งทะเล

 

 

โดยให้กินปลาสดและอาหารเม็ด วันละ 1-2 มื้อ ใช้ระยะเวลาการเลี้ยงประมาณ 8-9 เดือน จะได้ปลาขนาด 800–1,000 กรัม ก็สามารถทยอยจับขายให้กับร้านอาหารหรือภัตตาคารได้ ซึ่งสามารถทำรายได้ให้กับเกษตรกรได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ทางศูนย์ฯ ยังได้ทำการปล่อยลูกปลากะพงทองจำนวนหนึ่งคืนสู่ธรรมชาติ เพื่อเพิ่มประชากรในแหล่งที่อยู่อาศัยเดิมให้คงความอุดมสมบูรณ์ต่อไปอีกด้วย

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งเขต 5 (ภูเก็ต) กองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง กรมประมง โทรศัพท์ 076 621 822 ในวันและเวลาราชการ

แนวคิดนี้ถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงประเด็นของความยั่งยืนทางอาหาร ที่สะท้อนได้อย่างชัดเจนว่าสัตว์น้ำตามธรรมชาติสำหรับบริโภคเริ่มลดน้อยลงในแต่ละวัน ดังนั้น ทางออกจึงเป็นการวิจัยการเพาะพันธุ์เพื่อต่อยอดให้อาหารยังคงอยู่ต่อไป

 

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ