พาณิชย์จับมือ ธ.ก.ส. ช่วยเหลือเกษตรกร สามารถนำไม้ยืนต้นที่มีค่ามาใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันสินเชื่อเงินทุนหมุนเวียนได้ ตามโครงการธนาคารต้นไม้
วันที่ 25 พ.ค.63 นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ให้สามารถดำเนินชีวิตและเดินหน้าประกอบอาชีพได้อย่างต่อเนื่อง กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) รับไม้ยืนต้นที่มีค่ามาจดทะเบียนเป็นหลักประกันทางธุรกิจ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรมีเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบอาชีพ พร้อมทั้งใช้จ่ายในครอบครัว ซึ่ง ธ.ก.ส. เป็น ‘ธนาคารแรก’ ที่เกษตรกรสามารถใช้ไม้ยืนต้นที่มีค่ามาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้เงิน ตาม พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจฯได้
“ในเบื้องต้น ธ.ก.ส. ได้นำร่องให้สินเชื่อแก่เกษตรกรที่มีการนำไม้ยืนต้นที่มีค่าที่ปลูกในบริเวณบ้านจำนวน 44 ต้น ประกอบด้วย มะขาม (9 ต้น) มะกอกป่า (1 ต้น) สะเดา (14 ต้น) ตะโก (1 ต้น) โมกมัน (1 ต้น) งิ้วป่า (1 ต้น) กระท้อน (1 ต้น) มะเกลือ (2 ต้น) ยอป่า (1 ต้น) มะม่วง (1 ต้น) และ ไม้แดง (12 ต้น) มาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้เงินในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรีไปแล้ว โดยมีวงเงินสินเชื่อจำนวน 115,000 บาท ซึ่งนับเป็นนิมิตหมายที่ดีที่สถาบันการเงินให้ความสำคัญกับการใช้ไม้ยืนต้นที่มีค่ามาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ และเกษตรกรสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น” นายวีรศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้เกษตรกรที่ต้องการกู้เงินและใช้ไม้ยืนต้นที่มีค่ามาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ต้องเป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส. และเป็นสมาชิกธนาคารต้นไม้ โดยสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ ซึ่งขั้นตอนการกู้เงินเป็นไปตามระเบียบของ ธ.ก.ส.
อย่างไรก็ตาม กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ออกกฎกระทรวงกำหนดให้ไม้ยืนต้นเป็นทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจได้ ตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย.61 โดยมีแนวทางส่งเสริมให้ใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจทั้งเชิงพาณิชย์และอนุรักษ์ ผ่าน ธ.ก.ส. เนื่องจากเป็นธนาคารที่มีการดำเนินการ “โครงการธนาคารต้นไม้”
ข่าวที่น่าสนใจ
ทำความรูจัก “ไลเคน” ตัวชี้วัดอากาศ “ดี” หรือ “แย่”
สหรัฐ เผยขึ้นบัญชีดำบริษัทจีน 33 แห่ง ฐานละเมิดสิทธิมนุษยชน-เกี่ยวข้องกับอาวุธร้ายแรง
