กรมอนามัยชี้คนไทยยังเว้นระยะห่างทางสังคม (Social distancing) ไม่เพียงพอ ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยใหม่ยังไม่ลด ยันคนไทยต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนี้ตั้งแต่อยู่ในบ้านจนออกสู่สังคม เป็นหนทางเดียวที่จะลดผู้ป่วยโดยไม่ใช้ยา
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัยได้ออกมารณรงค์ให้คนไทย “อย่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” และ “อยู่ห่าง อยู่รอด” โดยให้ความสำคัญของการเว้นระยะห่างทางสังคม และสุขอนามัยที่ดีทั้งภายในบ้านและภายนอกบ้าน
อธิบดีกรมอนามัยกล่าวว่า “ที่ผ่านมาคนไทยยังไม่ยอมอยู่ในบ้าน สัดส่วนคนกักตัวในบ้านจากการสำรวจมีไม่ถึง 70 % แต่เป้าหมายของเราต้องการตั้งแต่ 8 0-90 % และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเว้นระยะห่างทางสังคม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ยอดผู้ป่วยใหม่ลดลง”
อธิบดีกรมอนามัยกล่าวต่อว่าพฤติกรรมที่คนไทยต้องปรับเปลี่ยน สำหรับภายในบ้าน ทันทีที่กลับบ้านมาต้องล้างรองเท้า หรือไม่นำรองเท้าเข้าบ้าน ล้างมือและต้องล้างมือที่ถูกต้องด้วย โดยต้องขัดด้วยสบู่นานไม่น้อยกว่า 20 วินาที โดยถูฝ่ามือ หลังมือ ซอกมือ และถูซอกเล็บ ถูให้ขึ้นไปถึงช่วงข้อแขน แล้วล้างน้ำให้สะอาด หากอยู่บ้านก็ต้องล้างมือให้บ่อย ทุกการเปลี่ยนแปลงอิริยาบทที่สำคัญ เช่น ก่อนลงมือรับประทานอาหาร ก่อนหยิบเหยือกน้ำมาเท เป็นต้น นอกจากนี้เมื่อกลับมาจากข้างนอกต้องอาบน้ำทันที แยกผ้าที่มาจากข้างนอก และผ้าที่ใส่อยู่ข้างในซักแยกต่างหาก
“การใช้ชีวิตในบ้านหากเป็นบ้านที่กว้างพอ ขอให้สมาชิกในบ้านอยู่แยกกันคนละมุมให้ห่างกันประมาณ 1-2 เมตร จะใช้หน้ากากอนามัยปิดปากหรือไม่ก็ได้ แต่ทางที่ดีควรใส่ เพราะเมื่อเดินเข้ามาพูดคุย สารคัดหลั่งก็ไม่กระเด็นเข้าหากัน แต่ถ้าอยู่บนคอนโดฯที่มีพื้นที่แคบขอให้ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา และควรทำความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ นอกจากนี้ไม่ควรลงไปมีกิจกรรมในพื้นที่ส่วนกลางช่วงที่ไวรัสโควิด-19 ระบาด”พญ.พรรณพิมลกล่าว
อีกหนึ่งพฤติกรรมที่ต้องปรับเปลี่ยนอย่างมากคือการรับประทานอาหารคือ ให้รับประทานอาหารให้ครบหลัก 5 หมู่ กินร้อน ช้อนเรา และมีช้อนกลางที่เป็นช้อนส่วนตัวของเราต่างหาก ถ้าจะร่วมโต๊ะอาหาร ควรให้ดูระยะห่างด้วย
ต่อมาพฤติกรรมนอกบ้าน ทุกครั้งที่ออกจากบ้านต้องมีหน้ากากอนามัย ไม่ว่าจะไปซื้อของรับประทาน เข้าซูปเปอร์มาร์เก็ต หรือไปจ่ายตลาด แม้กระทั่งในรายที่ยังต้องทำงานที่ออฟฟิศก็ต้องจัดระยะห่างทางสังคมให้ปลอดภัย
การเดินทางด้วยรถสาธารณะทุกรูปแบบมีความเสี่ยง ขอให้ใส่หน้ากากอนามัยก่อนขึ้นรถโดยสารสาธารณะทุกครั้ง เมื่อขึ้นไปแล้วพยายามเว้นระยะห่างทางสังคมเท่าที่จะเป็นไปได้ อย่าไปจับในจุดที่เป็นจุดเสี่ยงที่คนส่วนใหญ่มักจับ หากต้องการความปลอดภัยใส่ถุงมือผ้า ป้องกันมือเปื้อน เมื่อถึงเป้าหมายก็รีบล้างมือโดยด่วน

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
