สรุปประเด็นสำคัญไวรัสโควิด-19 ประจำวันที่ 28 มี.ค.63 ตายอีก 1 คน หญิงไทยวัย 55 ปี ติดเชื้อเพิ่ม 109 ราย บุคลากรทางการแพทย์ 2 ราย สธ.ชี้ ปชช. บางส่วนยังไม่งดการเดินทาง ป้องกันตัวเองไม่ดีพอ หลังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อเนื่อง จากคลัสเตอร์ “สถานบันเทิง-สนามมวย”
1.ผู้ติดเชื้อพบรายใหม่เพิ่ม 91 ราย กลับบ้านได้ 9 ราย รวมผู้ป่วยรักษาหาย 97 ราย ผู้ป่วยสะสม 1,136 ราย ยังรักษาในโรงพยาบาล 1,139 ราย เสียชีวิต 1 ราย (รวม 6 ราย)
2. สถานการณ์ทั่วโลกใน 196 ประเทศ 2 เขตบริหารพิเศษ 1 เรือสำราญ ข้อมูลตั้งแต่ 5 มกราคม – 28 มีนาคม 2563 (07.00 น.) พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจำนวน 557,660 ราย เสียชีวิต 26,448 ราย ส่วนประเทศจีนพบผู้ป่วย 81,340 ราย เสียชีวิต 3,292 ราย สหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วย 94,425 ราย เสียชีวิต 1,429 ราย อิตาลีพบผู้ป่วย 86,498 ราย เสียชีวิต 9,134 ราย
3.สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ว่า วันนี้มีผู้ป่วยเพิ่ม 109 ราย แบ่งเป็น 3 กลุ่มดังนี้
กลุ่มที่ 1 ผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วย หรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยก่อนหน้านี้ จำนวน 39 ราย ได้แก่ กลุ่มสนามมวย 10 ราย กลุ่มสถานบันเทิง 8 ราย และกลุ่มผู้สัมผัสกับผู้ป่วยที่มีรายงานมาแล้ว 21 ราย
กลุ่มที่ 2 ผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 17 ราย ได้แก่ กลุ่มที่เดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยงทั้งคนไทยและคนต่างชาติ 8 ราย กลุ่มผู้ทำงานหรืออาศัยในสถานที่แออัดต้องใกล้ชิดคนจำนวนมากหรือเกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ 7 ราย และบุคลากรทางการแพทย์ 2 ราย
กลุ่มที่ 3 ผู้ที่ได้รับผลยืนยันทางห้องปฏิบัติการพบเชื้อแต่อยู่ระหว่างรอประวัติและสอบสวนโรค 53 ราย
4.ผู้ป่วยเสียชีวิต 1 รายเป็นหญิง อายุ 55 ปี มีประวัติป่วยเป็นโรคเบาหวาน ควบคุมน้ำตาลได้ไม่ดี และไขมันในเลือดสูง
5.ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงจำนวน 17 ราย รับการรักษาในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข โรงเรียนแพทย์ กลาโหม และ กทม. จำนวน 12 ราย ส่วนอีก 5 รายอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี เพชรบูรณ์ นครราชสีมา และบุรีรัมย์ มีอายุระหว่าง 31-76 ปี และมีประวัติเสี่ยงทำงานที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยว อาทิ ขับรถบริการ พนักงานร้านนวด และไปสนามมวย
6.สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ที่พบนอกจากจะเป็นกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในสถานบันเทิง สนามมวย ที่มีรายงานผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังพบเป็นผู้ป่วยที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง ผู้มีอาชีพเสี่ยง เช่น ทำงานในสถานที่แออัด ใกล้ชิดสัมผัสกับชาวต่างชาติ แสดงให้เห็นว่าประชาชนบางส่วนยังไม่งดการเดินทาง และยังมีการป้องกันตัวเองไม่ดีพอในขณะทำงาน
จึงขอย้ำเตือนให้ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” เว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ทั้งในที่ทำงาน และที่บ้าน โดยอยู่ห่างกันระยะ 1-2 เมตร สวมหน้ากากป้องกัน ล้างมือบ่อย ๆ แยกสำรับอาหารและของใช้ส่วนตัว
7.สำหรับผู้เดินทางจากพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ปฏิบัติตามมาตรการเข้าออกเคหสถาน หรือสถานที่พำนักของตนเอง ตาม พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 โดยอยู่ในที่พักอาศัย ไม่เดินทางออกนอกที่พักโดยไม่จำเป็น
หากมีธุระจำเป็น เช่น การไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาตามนัด ให้ผู้ดูแลเป็นผู้ดำเนินการเลื่อนนัด และปรึกษาแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เรื่องการตรวจรักษาโรคประจำตัว เพื่อไปโรงพยาบาลเท่าที่จำเป็น เช่นรับยาใกล้บ้าน ทำธุรกรรมทางออนไลน์แทน งดการไปในที่แออัดหรือที่ชุมนุมชน เช่น งานบุญ งานประเพณี พิธีทางศาสนา การประชุม การไปร้านอาหาร ตลาด หรือห้างสรรพสินค้า
งดการใช้ขนส่งสาธารณะ หากจำเป็นต้องเดินทางควรใช้รถส่วนตัว และเมื่ออยู่นอกที่พักอาศัยต้องใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย หากรู้สึกไม่สบาย ครั่นเนื้อครั่นตัว ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หรือหอบเหนื่อย ให้รีบบอกผู้ดูแลหรือคนในครอบครัว เพื่อรับการตรวจรักษา ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
เรื่องอื่นที่น่าสนใจ
รวมบริษัทธุรกิจยักษ์เมืองไทย ร่วมบริจาคช่วยต้านโควิด-19
ประกันสังคม แจงผู้รับประโยชน์จากผลกระทบโควิด-19 ยื่นเรื่องผ่านหน้าเว็บไซต์
ภูเก็ตออกคำสั่ง “ห้ามออกจากบ้าน” สองทุ่มถึงตีสาม ดีเดย์ 28 มี.ค.คืนแรก
