รายงานข่าวกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ประจำวันที่ 26 มีนาคม 2563 พบรายใหม่เพิ่ม 111 ราย รวมผู้ป่วยสะสม 1,045 ราย กลุ่มสนามมวย-สถานบันเทิงยังพบต่อเนื่อง
วันที่ 26 มี.ค.63 กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวความคืบหน้าสถานการณ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) ในประเทศไทย
โดยสถานการณ์ ถึงวันที่ 26 มีนาคม 2563 ณ เวลา 08.00 น.
พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 111 ราย
ยังรักษาในโรงพยาบาล 953 ราย
เสียชีวิต 4 ราย (คงที่)
รวมผู้ป่วยสะสม 1,045 ราย
กลับบ้าน 18 ราย
รวมผู้ป่วยรักษาหายกลับบ้านแล้ว 88 ราย
สำหรับผู้ป่วยอาการหนักมี 4 ราย ทุกรายใส่เครื่องช่วยหายใจ และเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
กระทรวงสาธารณสุขระบุว่า จุดเปลี่ยนประเทศไทยอยู่ภายหลังวันที่ 15 มี.ค.63 จาก 3 สาเหตุ คือที่สนามมวย สถานบันเทิง และการร่วมพิธีทางศาสนาดาวะ โดยเพิ่มจากหลักสิบเป็นหลักร้อย ขณะที่ช่วงนี้เริ่มคงตัวที่ระดับ 100
สำหรับแนวโน้มต่อไปตัวเลขในเดือน เม.ย.คาดว่าจะอยู่ประมาณ 3,500 ราย แต่ต้องขึ้นอยู่กับมาตรการต่างๆ หากทำได้ดีอาจไปไม่ถึงตัวเลขดังกล่าว
ส่วนประเด็นน่าเป็นห่วงอยู่ที่กลุ่มผู้ป่วยจากสนามมวย ที่ล่าสุดพบว่าไปติดเพิ่มกับบุคคลที่บ้าน ซึ่งไม่มีการปฏิบัติตนตามระยะห่างทางสังคมที่ดีพอ
สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จากวันนี้ที่มีผู้ป่วยเพิ่ม 111 ราย แบ่งเป็น 3 กลุ่มดังนี้
กลุ่มที่ 1 ผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วย หรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยก่อนหน้านี้ ได้แก่ กลุ่มสนามมวย 6 ราย, กลุ่มสถานบันเทิง 3 ราย,กลุ่มผู้สัมผัสกับผู้ป่วยที่มีรายงานมาแล้ว 19 ราย และกลุ่มที่ร่วมพิธีทางศาสนาที่ประเทศมาเลเซีย 1 ราย
กลุ่มที่ 2 ผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 19 ราย ได้แก่
กลุ่มผู้เดินทางจากต่างประเทศ/คนไทย5 รายชาวต่างชาติ 1 ราย , กลุ่มผู้ทำงานหรืออาศัยในสถานที่แออัดต้องใกล้ชิดคนจำนวนมาก หรือเกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ 9 ราย และบุคลากรทางการแพทย์ 3 ราย
กลุ่มที่ 3 ผู้ที่ได้รับผลยืนยันทางห้องปฏิบัติการพบเชื้อแต่อยู่ระหว่างรอประวัติและสอบสวนโรค 63 ราย
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนทุกคน ตื่นตัว และรับผิดชอบต่อสังคม ตลอดจนติดตามสถานการณ์และข้อมูลข่าวสารได้ที่เว็บไซต์ “ไทยรู้ สู้โควิด” ทาง Twitter, Facebook, Line official, TikTok และChatBot 1422 ทาง ID : @COVID-19 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง อย่าเชื่อข่าวลือจากทุกทาง “เช็คก่อนแชร์” ตรวจสอบข่าวลวงได้ที่ www.antifakenewscenter.com
ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
