”นายกฯ” ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ตั้งปลัดกระทรวงคุมสั่งการ พร้อมให้คำมั่น จะพาคนไทยพ้นวิกฤตให้ได้
วันนี้ (25 มี.ค.) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ประกาศใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อยุติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หลังประเมินว่าสถานกาณ์อาจจะยิ่งทวีความรุนแรงและเลวร้ายมากขึ้น พร้อมยกระดับศูนย์โควิด-19 เป็นหน่วยงานพิเศษ มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานฯ สั่งการและรายงานตรงกับประชาชน

โดยมีปลัดกระทรวงที่เกี่ยวข้องเป็นหัวหน้าศูนย์ 8 ด้าน อาทิ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นหัวหน้ารับผิดชอบด้านสาธารณสุข ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นหัวหน้า รับผิดชอบด้านการสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นหัวหน้ารับผิดชอบด้านการควบคุมสินค้าและเวชภัณฑ์
รวมถึงผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นหัวหน้า รับผิดชอบด้านความมั่นคง การปราบปรามอาชญากรรมทุกประเภท และการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ ทั้งนี้ เพื่อความเป็นเอกภาพ รวดเร็วและขจัดปัญหาการทำงานแบบ “ต่างคนต่างทำ” ซึ่งภายในหนึ่งสัปดาห์ จะกระจายทีมงานทำความเข้าใจปัญหาและความต้องการของทุกกลุ่ม
นายกรัฐมนตรี ระบุด้วยว่า มาตรการชุดแรกจะออกมาบังคับใช้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (26 มี.ค.) เป็นต้นไป
ทั้งมาตรการการห้ามเข้าพื้นที่เสี่ยง ,การปิดช่องทางเข้าประเทศ ,ข้อพึงปฏิบัติสำหรับผู้สูงวัย คนป่วย และเด็ก ,การห้ามกักตุนสินค้า การขึ้นราคาสินค้าโดยไม่มีเหตุผล และการห้ามเสนอข่าวบิดเบือน พร้อมยืนยันว่า จะไม่มีการปิดร้านค้าที่จำหน่ายสิ่งของที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตอย่างแน่นอน ขณะเดียวกันจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น เพื่อเอาผิดกับผู้ละเมิดกฎหมาย
“ผมขอเตือนกลุ่มคนที่จะฉวยโอกาสหาผลประโยชน์บนความทุกข์ร้อน ความเป็นความตายของประชาชน ให้รู้ไว้ว่า อย่าคิดว่าจะหลุดพ้นไปได้ ผมจะทำทุกทาง ที่จะใช้กฏหมายจัดการกับกลุ่มคนเหล่านี้อย่างรวดเร็ว เด็ดขาด และไม่ปรานี การบังคับใช้กฎหมายและข้อกำหนดต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการควบคุมโรคจะเข้มข้นขึ้นมากทั่วประเทศ ทั้งการเอาผิดผู้ที่ละเมิดกฎหมายและการเอาผิดข้าราชการ และเจ้าพนักงานที่ละเลยการปฏิบัติหน้าที่” นายกฯ กล่าว
นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมือสื่อมวลชน เพิ่มความรับผิดชอบในการรายงานข่าว โดยใช้ข้อมูลจากการแถลงข่าวประจำวันของทีมสื่อสารเฉพาะกิจและทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นหลัก พร้อมกับขอให้ประชาชนที่ติดตามข่าวทางโซเชียลแชร์ข้อมูลที่ถูกต้องจากคณะทำงาน โดยไม่แชร์ข่าวปลอม
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า วิกฤตครั้งนี้ แม้จะสร้างความเจ็บปวด แต่เป็นเรื่องท้าทายความรักความสามัคคีของคนไทยทุกคน และเป็นช่วงเวลาที่จะดึงสิ่งที่ดีที่สุดในตัวของทุกคนมาช่วยเหลือกัน พร้อมให้คำมั่นสัญญาจะแก้ไขวิกฤตครั้งนี้อย่างสุดความสามารถ โดยขอให้ประชาชนเสียสละและจับมือกันฟันฝ่าวิกฤตครั้งนี้ ซึ่งเชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นานที่ประเทศไทยจะก้าวพ้นสถานการณ์อันเลวร้ายนี้ไปได้

ข่าวที่น่าสนใจ
