กบน.เคาะมาตรการลดค่าครองชีพช่วยประชาชนรับมือโควิด-19 ดึงเงินกองทุนฯ 2.3 พันล้านบาท ลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯทุกชนิด 50 สตางค์ต่อลิตร เว้น E85 ขึ้น 50 สตางค์ต่อลิตร ด้าน B20 ลด 25 สตางค์ต่อลิตร ขณะที่ LPG ลด 3 บาทต่อกิโลกรัม 3 เดือน
วันที่ 23 มีนาคม 2563 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เปิดเผยว่า มีมติเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือบรรเทาผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนช่วงการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ด้วยการกำหนดอัตราเก็บเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงใหม่เป็นระยะเวลา 2 เดือน ซึ่งจะทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิดลดลง 0.50 บาทต่อลิตร

ขณะที่ดีเซลบี 20 ลดลง 0.25 บาทต่อลิตร และแก๊สโซฮอล์ E85 เพิ่มขึ้น 0.25 บาทต่อลิตร และยังเห็นชอบลดราคาขายปลีกก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) 3 บ./กิโลกรัม(กก. )หรือราคาต่อถัง 15 กก.จากเดิม 363บาทต่อถังเหลือ 318 บาทต่อถังเป็นเวลา 3 เดือนมีผลตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคมเป็นต้นไป
อย่างไรก็ดี ยังขอความร่วมมือเร่งด่วนไปยังบมจ.ปตท.ให้พิจารณาลดราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์(NGV)ลง 3 บาทต่อกิโลกรัม จากปัจจุบันราคาอยู่ที่ 13.62 บาทต่อกิโลกรัมสำหรับรถโดยสารสาธารณะเป็นเวลา 3 เดือนโดยจะต้องหารือรายละเอียดในการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)ในวันที่ 25 มีนาคมนี้อีกครั้ง
ด้าน นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงานกล่าวว่า ราคาขายปลีกน้ำมันที่ลดลงดังกล่าวจะเป็นเฉพาะการปรับเปลี่ยนเงินกองทุนฯเท่านั้นไม่รวมกับกรณีราคาตลาดโลกที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง โดยอัตราเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯใหม่เป็นการลดกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิด 0.50 บาทต่อลิตร เว้นดีเซลบี 20 ลดลง 0.25 บาทต่อลิตรและเพิ่มเก็บเงินแก๊สโซฮอล์ E85 จำนวน 0.25 บาทต่อลิตร
ส่วน LPG กบน.มีมติให้ลดอัตราเงินกองทุนน้ำมันส่วนบัญชี LPG ชั่วคราว 3 เดือนจาก 4.9816 บาทต่อกิโลกรัมเหลือ 2.1779 บาทต่อกิโลกรัมหรือลดลง 2.8037 บาทต่อกิโลกรัม มีผล 24 มีนาคม ส่งผลให้ราคาขายปลีก LPG ลดลง 21.87 บาทต่อกิโลกรัม เหลือ 18.87 บาทต่อกิโลกรัมหรือลดลง 3 บาทต่อกิโลกรัม
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ E85 ปรับขึ้นราคา 0.25 บาทต่อลิตร เพราะไม่ต้องการให้เกิดการใช้เอทานอลจำนวนมากเนื่องจากขณะนี้ส่วนหนึ่งต้องเร่งนำไปทำเจลล้างมือ และราคาดีเซลB20 ลดแค่ 0.25 บาทต่อลิตรเพราะต้องการลดส่วนต่างกับB10ให้เหลือน้อยลงเพื่อส่งเสริมการใช้ B10
ข่าวที่น่าสนใจ
