รองนายกฯ วอนภาคเอกชนอย่าปลดพนักงาน เร่งหาหน้ากากผ้า 10 ล้านชิ้นป้อนปชช.

รองนายกฯ วอนภาคเอกชนอย่าปลดพนักงาน เร่งหาหน้ากากผ้า 10 ล้านชิ้นป้อนปชช.


รองนายกฯหารือกับภาคเอกชน เพื่อร่วมกันผลิตหน้ากากอนามัยชนิดผ้าซักได้ 10 ล้านชิ้นภายใน 2 เดือน ล็อตแรกจะได้ภายในสัปดาห์หน้าตามห้างสะดวกซื้อทั่วไป ในขณะที่ภาคเอกชนยืนยันมีอาหารเพียงพอ รัฐบาลวอนอย่าปลดพนักงาน

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ประชุมร่วมกับผู้บริหารภาคอุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อร่วมกันผลิตหน้ากากอนามัยผ้าซักได้ใช้ซ้ำ จำนวน 10 ล้านชิ้น ภายใน 2 เดือน ล็อตแรกสัปดาห์หน้าให้รีบแจกหน้ากาก ตามร้านสะดวกซื้อ ปั๊มน้ำมัน ธนาคาร กระจายไปต่างจังหวัดให้เพียงพอ หากไม่เพียงพอ ผลิตเพิ่มเติม ยอมรับว่า ขณะนี้ประชาชนการตื่นกลัวการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 จึงต้องการหน้ากากอนามัย เจล สเปรย์ ทำความสะอาด หากแจกไปแล้วไม่พอ ภาคเอกชนต้องจำหน่ายขอให้กระจายอย่างทั่วถึง จึงขอให้อุตสาหกรรมสิ่งทอ เตรียมตัวให้พร้อมกับความต้องการ รวมทั้งบางรายต้องการนำเข้าจากจีน เพราะสถานการคลี่คลายลง โดยขอความร่วมมือจากศุลกากร และสรรพากร อำนวยความสะดวกเรื่องภาษีและการนำเข้า

สำหรับการผลิตเจล สเปรย์ กระทรวงพลังงานประสานกับ ปตท. และโรงงานเอทานอล แจกตามปั๊ม ปตท. เป็นประจำทุกวันจันทร์ เบื้องต้นแจกตามหน่วยงาน องค์กรที่จำเป็นต้องใช้ทำความสะอาด และยังขอให้ผู้ประกอบการ เพิ่มกำลังการผลิตให้เพียงพอต่อการซื้อของประชาชนด้วย นอกจากนี้ กรมสรรพสามิต ยังเปิดทางให้โรงงานแอลกอฮอล์ เพื่อส่งให้ภาคเอกชนผลิตเจล สเปรย์ สะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะในวงการแพทย์จะมีใช้ป้องกันโรคได้อย่างเพียงพอ ขณะนี้จำนวนแอลกอฮอล์มีสต๊อกอยู่เพียงพอ

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รายงานที่ประชุมว่า การผลิตหน้ากากผ้าซักได้ 10 ล้านชิ้น ต้นทุนการผลิต 6 บาทต่อชิ้น ใช้งบกลางมาช่วยในการผลิต เพื่อช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อโรคได้อีกทางหนึ่ง จึงพร้อมร่วมมือกับภาคเอกชนเตรียมผลิตหน้ากากอนามัย 1 ล้านชิ้นแจกจ่ายประชาชน ป้องกันสารคัดหลั่ง ไอ จาม ป้องกันการติดเชื้อ

นายสมคิด กล่าวเพิ่มเติมว่า ความต้องการสำรองอาหารสำเร็จรูป ในช่วงเกิดปัญหาแพร่ระบาดไวรัส จึงขอให้ผู้ประกอบการ เตรียมพร้อมผลิตอาหารสำเร็จรูป เพื่อให้ผู้บริโภคคลายความกังวล เพราะเมืองไทยเป็นประเทศผู้ผลิตอาหาร ยืนยันว่าการพักอยู่กับบ้าน ต้องให้มั่นใจว่า มีอาหารรองรับเพียงพอ ไม่ขาดแคลนแน่นอน เพราะไทยเป็นผู้ส่งออกข้าวจึงต้องไม่ทำให้เกิดการขาดแคลน น้ำดื่มค่ายสิงห์ และค่ายต่างๆ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไม่มีปัญหาการผลิต กระดาษทิชชู่ และรัฐบาลยืนยันว่าไม่มีการปิดเมือง

นายสุพันธ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รายงานว่า ไทยเป็นผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ของโลก ผลิตอาหารสำเร็จรูป 3 ล้านล้านบาทต่อปี ทั้งการส่งออกข้าว อาหารกระป๋อง อาหารสำเร็จรูป การเกิดวิกฤติในครั้งนี้จึงยืนยันว่าเพียงพอสำหรับการบริโภคภายในประเทศ เพียงช่วงที่ผ่านมาห้างสรรพสินค้าเติมให้ตามชั้นไม่ทัน สินค้าจึงหายเพียงบางช่วงเวลา ยอมรับว่าการใช้กระดาษทิชชู่ในเมืองยุโรป เขาใช้ทำความสะอาดทุกอย่าง จึงมีปัญหาขาดแคลน ส่วนไทยใช้น้ำทำความสะอาด จึงไม่มีปัญหาเรื่องดังกล่าว

ผู้ประกอบการ รายงานที่ประชุมว่า ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มาม่า ไวไว เสนอว่า หากท้องที่ใดประกาศปิดจังหวัด ควรระบุให้ชัดเจน ว่า ปิดการเคลื่อนย้ายคน แต่ไม่ควรปิดเส้นทางคมนาคม เพื่อความสะดวกในการขนส่งสินค้า เพื่ออำนวยความสะดวกการจำหน่ายทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัดยังกระจายสินค้าออกไปได้ทั่วประเทศ สำหรับการผลิตเนื้อหมู ไก่ ยังผลิตได้ 1-2 ล้านกิโลกรัมต่อวัน เอกชนมีจุดกระจายสินค้านับ 100 จุด พร้อมกระจายไปทั่วประเทศไทย หากถึงจุดวิกฤติ อยากให้เคลียเรื่องการขนส่ง การผลิตให้ชัดเจน และมีระบบอนามัยดูแลระบบขนส่ง รถขนส่งต้องฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อ การควบคุมดูแล ในส่วนร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ตลอด 24 ชั่วโมง ขณะนี้ได้ร่วมกับผู้ผลิตสินค้า กระจายไปทั่วถึง

นายสมคิด กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อผู้ประกอบการร่วมกันออกมายืนยัน จะทำให้คลายความกังวล ไม่ต้องมากักตุนสินค้า และหากให้ภาคเอกชนชะลอการเลิกจ้างแรงงาน เพราะหากถูกออกจากงานจะสร้างความลำบาก จึงขอให้จ้างงานต่อไปในช่วงนี้ แม้ต้องลดค่าตอบแทนลงบ้าง เพื่อความอยู่รอดร่วมกัน รัฐบาลให้นำค่าตอบแทนลดหย่อนภาษีในการจ้างงานถึง 3 เท่า คาดว่าภาคเอกชนจะไม่ปลดพนักงานออกในช่วงนี้ เพราะเป็นช่วงวิกฤติ หากให้ออกจากงานจะมีผลต่อแรงงานอีกจำนวนมาก

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ