“พาณิชย์” ไล่จับเพิ่มเป็น 159 ราย ขูดเลือดขายหน้ากากอนามัยแพงเวอร์

กระทรวงพาณิชย์ สรุปผลจับกุมขายหน้ากากอนามัยแพงเวอร์ เพิ่มเป็น 159 ราย ย้ำ อย่าฉวยโอกาสขึ้นราคาเด็ดขาด หากพบมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี

วันนี้ (17 มี.ค. 63) นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวง ได้รายงานผลการจับกุมดำเนินคดีผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัยที่กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ของ วันที่ 17 มีนาคม 2563 เพิ่มจำนวน 10 ราย ดังนี้

โดยในกรุงเทพฯ มีจำนวน 2 ราย เป็นการจับกุมร้านค้าตัวแทนขายหน้ากากอนามัยในห้างเซ็นเตอร์วัน 1 ราย ข้อหาความผิดไม่ปิดป้ายแสดงราคา และจับกุมบริษัทตัวแทนจำหน่ายหน้ากากอนามัยย่านบางขุนเทียนอีก 1 ราย ขายหน้ากากอนามัย ชิ้นละ 3 บาท แจ้งข้อหาขายเกินราคาควบคุม

ขณะที่ในต่างจังหวัด จำนวน 8 ราย ได้แก่ จังหวัดหนองบัวลำภู จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดละ 1 ราย ทั้งสามรายขายหน้ากากอนามัยในราคาชิ้นละ 13-25 บาท จึงแจ้งข้อหาขายเกินราคาควบคุม จังหวัดอุบลราชธานี 4 ราย ข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคา 2 ราย ข้อหาขายเกินราคาควบคุม และขายแพงเกินสมควร 2 ราย และจังหวัดปทุมธานี 1 ราย ข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาและขายแพงเกินสมควร

ทั้งนี้ ได้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดถึงวันที่ 16 มีนาคม 2563 ไปแล้ว รวมทั้งสิ้น 159 ราย แบ่งเป็นการจับกุมในเขตกรุงเทพฯ จำนวน 95 ราย และในต่างจังหวัด 64 ราย นอกจากจับกุมคนขายหน้ากากอนามัยแพงอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศแล้ว ที่ผ่านมากระทรวงยังได้จับกุมผู้ที่ขายเจลล้างมือ ในข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาและข้อหาขายแพงเกินสมควรอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ด้วย

ปลัดกระทรวง ย้ำว่า ขอผู้ค้าอย่าฉวยโอกาสขึ้นราคาเด็ดขาด หากพบขายแพงเกินควรจะมีความผิด โดยโทษที่ผู้ทำผิดในข้อหาขายเกินราคาควบคุม จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท สำหรับข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาขาย มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท ส่วนข้อหาขายแพงเกินสมควรมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท และหากเป็นผู้นำเข้าหรือตัวแทนจำหน่ายก็ต้องแจ้งปริมาณการถือครองสินค้าต่อกรมการค้าภายใน หากฝ่าฝืนจะมีความผิด โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท ด้วย

อย่างไรก็ตาม หากพบเห็นผู้กระทำผิด ให้แจ้งข้อมูลและหลักฐานมายังสายด่วน 1569 หรือโซเชียลมีเดียของกรมการค้าภายในทุกช่องทาง โดยกระทรวงพาณิชย์พร้อมลงพื้นที่ตรวจสอบทันที