เคาะ 6 มาตรการ รับมือโควิด-19 ยันการแพร่ระบาดยังอยู่ในระยะ2

เคาะ 6 มาตรการ รับมือโควิด-19 ยันการแพร่ระบาดยังอยู่ในระยะ2


ที่ประชุมศูนย์ฯโควิด-19 ยันยังไม่เข้าสู่ระยะ 3 เผย 6 มาตรการ เตรียมรพ. เร่งผลิตหน้ากากอนามัย ตั้งทีม Thailand ดูแลคนไทยในต่างประเทศ ตรวจเข้มต่างชาติ เลื่อนวันหยุดสงกรานต์ ปิดสถานที่ชุมนุม สถานบันเทิง ยันความปลอดภัยของคนไทยสำคัญที่สุด

นายวิษณุ เครืองาม รองนายรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ได้เปิดเผยภายหลังการประชุมศูนย์ฯ โควิด-19 ครั้งที่ 1 ซึ่งมีพลบ.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ศูนย์ฯ โควิด-19 ถือเป็นศูนย์มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารจัดการการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มากที่สุด ซึ่งการประชุมในวันนี้เป็นการประชุมร่วมกันของรัฐมนตรีแต่ละกระทรวง และคณะผู้เชี่ยวชาญรวมทั้งเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดมาตรการต่างๆในการบริหารจัดการด้านต่างๆเป็น 6 ด้าน ด้วยกัน

ทั้งนี้การประกาศสถาจการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสนั้น ยังคงให้อยู่ในระยะ 2 ต่อไป แต่จำเป็นที่จะต้องเตรียมรับมือ ในมาตรการ 6 ด้านด้วยกันคือ

1.ด้านสาธารณสุข โรงพยาบาลรัฐ-เอกชน ท้องถิ่น และสถานพยาบาล เตรียมจัดสถานที่ เตียงคนไข้ เพื่อรองรับสถานการณ์ได้เพียงพอ เตรียมบุคลากรทางการแพทย์ หมอ พยาบาล แพทย์อาชีพ ที่เกษียณอายุไปแล้ว พยาบาลจิตอาสา ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่จำเป็น โดยนายกฯ ได้อนุมัติค่าตอบแทนกรณีพิเศษให้กับแพทย์ พยาบาล ที่ปฏิบัติหน้าที่

2.ด้านเวชภัณฑ์ กระทรวงพาณิชย์ได้รายงานความคืบหน้าการเร่งรัดผลิตหน้ากากอนามัย ได้วันละ 2 ล้านชิ้น รวมทั้งให้กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงพลังงานประสานงานร่วมกันในการผลิต เจลล้างมือ และ แอลกอฮอล์ รวมทั้งให้เร่งรัดการตรวจจับการกักตุนสินค้า สามารถยึดของกลางมาใช้ในการหมุนเวียนก่อน โดยส่งมาที่ศูนย์ฯ ก่อนหมุนเวียนกระจายไปยังสถานพยาบาล ซึ่งการนำของกลางมาใช้นั้น จะต้องไม่เสียต่อรูปคดี ซึ่งตามกฎหมายสามารถทำได้

3.ข้อมูลข่าวสาร การให้บริการข้อมูลข่าวสารของศูนย์ข้อมูลข่าวสาร ตึกนารีสโมร สามารถให้บริการตอบปัญหาจากทางบ้านได้ ร้อยละ 98 จากผู้ที่ใช้บริการ ประมาณ 1,000 รายต่อวัน

4.ด้านการต่างประเทศ การยกเลิกฟรีวีซ่า ไม่มีประเทศคู่กรณีใดขัดข้อง การดูแลคนไทยในต่างประเทศ จะมีการจัดตั้งทีม “Thailand” ในทุกประเทศที่มีคนไทยอาศัยอยู่ โดยมีเอกอัครราชทูต หรือทูต เป็นหัวหน้าทีม ดูแล 1.ข้าวราชการประจำสถานทูต และครอบครัว ประมาณ 1,500 คน 2.นักเรียนไทย จำนวนกว่าพันคน 3.พระภิกษุ อีกประมาณ 1,500 รูป 4.แรงงานไทย ประมาณแสนคน รวมทั้งการประสานงานกับประเทศนั้นๆ

5.มาตรการป้องกัน 5.1.ชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้าประเทศจะต้องได้รับการตรวจร่างกายอย่างเข้มงวด ต้องมีบัตรโดยสาร ใบรับรองแพทย์ ประกันสุขภาพ และยินยอมให้ติดตั้งแอพฯติดตามตัว โดยจะต้องรายงานผ่านแอพฯ เมื่อมีการเปลี่ยนที่พัก หรือแหล่งที่อยู่
5.2.งดวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ 13-15 เม.ย.63 และเสนอสิทธิในโอกาสอื่นๆแทน ป้องกันความเสี่ยงของการแพร่กระจายของโรค โดยเสนอ ครม.ในวันพรุ่งนี้ (17 มี.ค.63)

 

 

5.3 เสนอปิดควบคุมสถานที่ที่มีการชุมนุมคราวละมากๆ ได้แก่ 1.มหาวิทยาลัยรัฐ-เอกชน โดยเลี่ยงให้เปิดสอนทางออนไลน์แทน โรงเรียนรัฐ-เอกชน รร. นานาชาติ สถานกวดวิชา 2.สนามมวย สนามกีฬาที่มีการสัมผัสถึงกัน โรงภาพยนตร์ ส่วนสถานที่อื่นๆ เช่น ร้านค้า ร้านอาหาร ยังสามารถปิดดำเนินการต่อไปได้ ตามปกติ โดยจะต้องมีมาตรการรองรับ เช่น มีหน้ากากอนามัย มีเจลล้างมือ หากฝ่าฝืนจะมีการสั่งปิดและดำเนินการเป็นรายๆ ต่อไป โดยจะเสนอครม. 17 มี.ค.63 และเตรียมใช้ 18 มี.ค.63

6.กำหนดให้บริษัทมีการทำงานเหลื่อมเวลา ทั้งการทำงาน การพักรับประทานอาหารกลางวัน หลีกเลี่ยงการรวมกลุ่มของคนจำนวนมาก และกำหนดให้สามารถทำงานที่บ้านได้ โดยให้รายงานการทำงานทุก 7 วัน รวมทั้งการพิจารณาให้บริษัทเลื่อนการประชุมผู้ถือหุ้น หรือให้จัดประชุมทางไกลแทน

อย่างไรก็ตาม ในการประชุมครั้งนี้ ที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันว่า ในสถานการณ์ขณะนี้การป้องกัน การดูแลรักษาเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มีลำดับความสำคัญเป็นอันดับ 1 ส่วนเรื่องอื่น ทั้งเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การค้าขาย การส่งออก เป็นลำดับรอง โดยความอยู่รอดของประชาชนต้องมาเป็นอับดับหนึ่ง และเป็นลำดับความสำคัญที่เร่งด่วน

 

ข่าวที่น่าสนใจ