“ศ. วิทวัส” อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านโครงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์วิเคราะห์ว่า หากโควิด19 สามารถจบภายในครึ่งปีแรก ครึ่งปีหลังก็พอฟื้นได้ แต่อย่างน้อยโรงแรม รีสอร์ทได้รับผลกระทบกระแสเงินสด และหากลากยาว ก็อาจถึงขั้นขายกิจการได้
ศ. วิทวัส รุ่งเรืองผล กรรมการโครงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้กล่าวในเฟซบุ๊กของตนเองที่ชื่อว่า Witawat Rungruangphon โดยได้ทำการวิเคราะห์ถึงผลกระทบของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2563 จะได้รับผลกระทบอย่างไรจากวิกฤตไวรัสโควิด-19 โดยเนื้อหาระบุว่า

“ปัญหาเรื่องการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ดูไม่น่าจะกระทบต่อยอดขายของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยตรง แต่ถ้าสถานการณ์ยังคงยืดเยื้อออกไป จะเกิดผลกระทบอย่างไรกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผมลองวิเคราะห์ออกมาดังนี้ครับ
1.ธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท โดนผลกระทบโดยตรงอย่างรวดเร็วและรุนแรง ทำให้รายได้ และกระแสเงินสดรับ ของโรงแรมลดลงเป็นอย่างมากจนน่าจะทำให้ไตรมาสแรกของปี 63 หลายโรงแรมน่าจะประสบภาวะขาดทุน จนถึงขาดกระแสเงินสด
ถ้ายังเป็นเช่นนี้อีกหลายเดือนจนทุนรอนที่สะสมไว้ไม่เพียงพอ น่าจะเห็นการประกาศขายโรงแรมขนาดกลางและขนาดเล็กหลายแห่ง ให้กับกลุ่มทุนที่มีเงินสดสำรองอยู่มาก ขณะที่โรงแรมที่มีทุนสำรอง เป็นจังหวะที่ดีในการปิดปรับปรุง รีโนเวท ห้องพักให้ใหม่และทันสมัยขึ้น หลังวิกฤตถ้านักท่องเที่ยวกลับมาอัตราค่าห้องพักก็จะสามารถปรับตัวสูงขึ้นได้
2.ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นแนวราบหรืออาคารชุด สถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงคือ เมื่อภาคบริการอย่างโรงแรม สายการบิน และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ประสบปัญหาต้องปลดพนักงานออกหรือ ลด การจ่ายค่าจ้างเงินเดือน จะเกิดผลทั้งในด้านความสามารถในการซื้อ และทางจิตวิทยา ที่เกิดความไม่มั่นใจกับรายได้ในอนาคต ต้องการอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นการสร้างหนี้ในระยะยาวจะลดลง
ที่หนักไปกว่านั้นคือกลุ่มลูกค้าที่อยู่ระหว่างการผ่อนกับทางธนาคาร เมื่อไหร่รายได้ลดลง หรือถูกเลิกจ้าง จะไม่สามารถผ่อนชำระกับทางธนาคารได้ทำให้เกิดเป็นลูกหนี้ค้างชำระ ยิ่งทำให้ทางธนาคารเข้มงวดกับการปล่อยกู้ใหม่ อัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่อยู่อาศัยจะสูงขึ้น
และหากลูกค้าที่ผ่อนไม่ไหว พยายามลดภาระด้วยการประกาศขายอสังหาริมทรัพย์ แบบยอมขาดทุน จะทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์มือสองที่ยังอยู่ในสภาพค่อนข้างใหม่ เข้ามาเพิ่มอุปทานในตลาด ทั้งในด้านปริมาณและการกดราคาขายเฉลี่ยลง ยิ่งทำให้การขายอสังหาริมทรัพย์ของผู้ประกอบการลำบากขึ้น
- โควิด-19 กระทบ “กุ้งไทย” เสียหายแล้วกว่า 1,000 ล้านบาท
- “โควิด-19” เดินเข้าห้าง ถึงคิวแม่ค้ากลางเมืองได้รับผลกระทบ
3.กลุ่มธุรกิจศูนย์การค้า จากปัญหาที่ลูกค้าระมัดระวังในการเข้าไปในที่ที่มีคนจำนวนมาก มีผลทำให้ร้านค้าผู้เช่ามีลูกค้าน้อยลง นำมาสู่การเจรจาขอลดค่าเช่า และการยกเลิกสัญญาเช่า มีผลทำให้รายรับของผู้ประกอบการธุรกิจศูนย์การค้าลดต่ำลง และอาจมีบางศูนย์การค้าที่มีผู้เช่าบอกเลิกสัญญา จนเกิดภาวะร้านค้าฟันหลอ ยิ่งมีผลทำให้บรรยากาศในศูนย์การค้านั้นยิ่งวังเวง ร้านยิ่งเหลือน้อยคนยิ่งเดินน้อย ร้านที่เหลือยิ่งอยู่ยาก
ถ้าสถานการณ์ยังซึมลึกอีกยาว ศูนย์การค้าขนาดเล็กซึ่งสายป่านทางการเงินสั้นกว่าน่าจะได้รับผลกระทบก่อน อาจนำไปสู่การเกิดศูนย์การค้าร้าง หรือการประกาศขายทั้งศูนย์ ให้กับกลุ่มทุนขนาดใหญ่

4.สถาบันการเงิน ปี 63 น่าจะเป็นปีที่ผลประกอบการของสถาบันการเงินออกมาไม่ดีนัก โดยเฉพาะจับกลุ่มสินเชื่อบุคคล โดยอัตราการปล่อยสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์สำหรับลูกค้ารายย่อยมีแนวโน้มหดตัวลงตั้งแต่ปี 62 โดยในปี 63 ครึ่งปีแรกอัตราการปล่อยสินเชื่อใหม่ยิ่งน่าจะหดตัวลงมากกว่าเดิม และ ทั้ง ปี ปี 63 อัตราลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ในการผ่อนบ้านน่าจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ต้องดูครับว่าสถานการณ์นี้จะจบลงเมื่อใด ถ้าหลังเมษายนสถานการณ์กลับมาปกติได้ ครึ่งปีหลังก็น่าจะยังพอลุ้นที่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภท จะอาศัยยอดขายครึ่งปีหลังช่วยรักษาตัวรอดแบบบาดเจ็บ แต่ถ้าสถานการณ์ลากยาวไปถึงครึ่งปี ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หลายรายน่าจะเข้าขั้นสาหัส หรือล้มหายตายจากกันเลยทีเดียว สู้ๆครับ ผมเอาใจช่วย นี่ก็ค่อนข้างว่างอยู่เหมือนกัน เลยมีเวลามาคิดวิเคราะห์สรุปสถานการณ์ให้งานวิทยากรผมเดือนมีนาคม-เมษายน นอกเหนือจากการสอนประจำที่มหาวิทยาลัย แล้วงานบรรยายอื่นล้วนถูกเลือนออกไปแบบไม่มีกำหนด”
ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
- “ผีน้อยหนีตาย” แห่ขอกลับไทย หลังโควิด-19 ลามหนักเกาหลีใต้
- “ล้างมือให้สะอาด” ช่วยชะลอการแพร่ระบาดของโรคร้ายตามสนามบินต่าง ๆ ได้
