เริ่มแล้วประมูล 5G มูลค่า 70,000 ล้านบาท กับวิธีการใหม่ Clock Auction

เริ่มแล้วประมูล 5G มูลค่า 70,000 ล้านบาท กับวิธีการใหม่ Clock Auction


เริ่มแล้ววันนี้ ประมูล 5G ใช้วิธีการอย่างไร ค่ายใหญ่หมายปั้นมือในคลื่นใดบ้าง พร้อมราคาเริ่มต้นในการประมูลสูงมากแค่ไหน

สำหรับการประมูลคลื่น 5G ในวันนี้ (16 ก.พ.63) ซึ่งกำลังดำเนินการประมูลอยู่ในขณะนี้ เริ่มต้นที่ตัวแทนของบริษัทผู้เข้าประมูลเดินทางเข้าสู่ห้องประมูล โดยห้องประมูลนี้จะอนุญาตเฉพาะตัวแทนผู้เข้าร่วมประมูล เท่านั้น ส่วนผู้สื่อข่าวและผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องจะอยู่ภายในห้องที่จัดเตรียมไว้โดยจะมีการและสามารถดูหน้าจอกราฟการประมูลที่ปรากฎได้เท่านั้น

โดยหน้าจอดังกล่าวจะปรากฏกราฟ แสดงราคาต่อ 1 ชุดคลื่นความถี่ ,กราฟแสดงจำนวนคลื่นความถี่ที่ผู้เข้าประมูลต้องการ และตารางแสดงราคาที่เสนอขายในแต่ละรอบเทียบกับความต้องการเสนอซื้อ

ทั้งนี้เบื้องต้น ได้กำหนดใบอนุญาตของแต่ละคลื่น และมีผู้สนใจเข้าร่วมประมูลดังนี้

คลื่นความถี่ย่าน 700 MHz มี 3 ใบอนุญาต ราคาประมูลเริ่มต้น 8,792 ล้านบาท มีผู้สนใจประมูล 3 รายด้วยกัน คือ 1.AIS บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด 2.True บริษัท ทรูมูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมูนิเคชั่น จำกัด และ 3.CAT บมจ.กสท โทรคมนาคม
คลื่นความถี่ย่าน 2600 MHz มี 19 ใบอนุญาต ราคาประมูลเริ่มต้น 1,862 ล้านบาท มีผู้สนใจประมูล 3 รายคือ AIS , True และ CAT

ด้านคลื่นความถี่ย่าน 26 GHz มีจำนวน 27 ใบอนุญาต ราคาเริ่มต้น 423 ล้านบาท มีผู้สนใจเข้าร่วมประมูล 4 รายด้วยกันคือ AIS,True,Dtac และ TOT บมจ.ทีโอที

 

 

 

ขณะที่คลื่น 1800 MHz ไม่มีผู้สนใจเข้าร่วมประมูล ซึ่งคาดว่า กสทช.จะนำกลับไปประเมินมูลค่าคลื่นใหม่ว่าสูงหรือต่ำไปหรือไม่เพื่อกำหนดราคาใหม่

สำหรับรูปแบบการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 700 MHz 1800 MHz 2600 MHz และ 26 GHz จะประมูลตามลำดับจากคลื่นย่านต่ำไปคลื่นย่านสูง โดยแต่ละคลื่นความถี่จะประกอบด้วย 2 ขั้นตอน คือ 1.ขั้นตอนการจัดสรรคลื่นความถี่ (Allocation Stage) ด้วยรูปแบบการประมูลแบบ Simultaneous Ascending Clock Auction และ 2.ขั้นตอนการกำหนดย่านความถี่ (Assignment Stage) ซึ่งจะเปิดให้ผู้ชนะการประมูลแต่ละรายยื่นข้อเสนอราคาสำหรับแต่ละทางเลือก (First-price Sealed-bid Auction)

ขณะที่การเลือกใช้วิธี Clock Auction ของ กสทช. ถือเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยเลือกใช้วิธีการนี้ในการประมูลคลื่นความถี่เนื่องจากช่วยประหยัดเวลาในการดำเนินการประมูล เพราะครั้งนี้เป็นการประมูลคลื่นความถี่ถึง 4 ย่าน โดยเฉพาะคลื่นย่าน 2600 MHz และ 26 GHz ซึ่งมีจำนวนชุดความถี่ถึง 19 และ 27 ชุดตามลำดับ หากใช้การประมูลแบบเดิมจะใช้เวลาดำเนินการประมูลที่ยาวมาก

นอกจากนี้ ระบบการประมูลแบบ clock auction ช่วยให้การระบุราคามีความยืดหยุ่นมากขึ้น ปัจจุบัน หลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักร ก็เปลี่ยนรูปแบบการประมูลจาก Simultaneous Multi-Round Auction (SMRA) มาเป็นแบบ Clock auction เช่นกัน

 

 

ทั้งนี้การประมูลแบบ clock auction เป็นการเสนอจำนวนคลื่นความถี่ที่ต้องการ ณ ราคาประมูล (ที่เพิ่มขึ้น) ในแต่ละรอบ โดยหลังจากการประมูลรอบแรกแล้ว ผู้เข้าร่วมประมูลสามารถยืนยันจำนวนคลื่นความถี่ที่ต้องการในราคาที่เพิ่มขึ้น หรือลดจำนวนคลื่นความถี่ลง โดยจะต้องระบุราคาที่เต็มใจจ่ายทุกครั้งที่ลดจำนวนคลื่นความถี่ลง ทั้งนี้ การประมูลแบบ clock auction จะสิ้นสุดลงเมื่อความต้องการจำนวนคลื่นความถี่เท่ากับจำนวนคลื่นความถี่ที่เสนอขาย (ทั้งนี้ หากในรอบแรกความต้องการจำนวนคลื่นความถี่มีน้อยกว่าหรือเท่ากับจำนวนคลื่นความถี่ที่เสนอขายการประมูลจะจบในรอบแรก)

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการประมูลครั้งนี้จะจบโดยที่ใครเป็นผู้ชนะได้สิทธิ์ครอบครองคลื่นคาวมถี่ในแต่ละคลื่นก็ตาม เงินจากการประมูลที่รัฐจะได้รับนั้นก็มีมูลค่ามากมายมหาศาลเช่นกัน โดย“ฐากร ตัณฑสิทธิ์” เลขาธิการ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มองว่า เบื้องต้นจะมีเงินรายได้จากการประมูลคลื่นในครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 70,000 ล้านบาท มากกว่าก่อนหน้านี้ที่ประเมินไว้ว่าจะได้ราว 50,000 ล้านบาท เนื่องจากมีการยื่นขอประมูลใบอนุญาตมากกว่าที่คาดไว้

รายงานล่าสุด การประมูลคลื่นความถี่ย่าน 700 MHz จบลงในรอบที่ 20 โดยราคาที่ผู้เข้าประมูลประมูลได้ 17,153 ล้านบาท/ชุดคลื่นความถี่ (lot)  รวม 3 ชุดคลื่นความถี่ เป็นเงิน 51,459 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ราคาข้างต้นไม่รวม Vat

 

 

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

“เอสซีจี-เอไอเอส-ม.อ.” ผนึกกำลัง ปักหมุดสร้างต้นแบบ 5G ภาคอุตฯ สำเร็จรายแรก!