สมคิด เตรียมเสนอ ครม. เพิ่มวันหยุดช่วงสงกรานต์ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัส covid-19 และงบประมาณที่ล่าช้า รวมถึงผลักดัน ชิม ช้อป ใช้ เฟส 4 เข้าครม.เร็วๆนี้ พร้อมเพิ่มทุนกอลทุนหมู่บ้านเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับฐานล่างด้วย
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้เศรษฐกิจไทยมีปัจจัยที่เข้ามากระทบในหลายเรื่อง ทั้งงบประมาณล่าช้า การท่องเที่ยวได้รับผลกระทบจากไวรัส covid -19 และ ยังเกิดเหตุการณ์ความสูญเสียครั้งใหญ่ที่จ.นครราชสีมา ทำให้เศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 ปี 2562 ต่อเนื่องมาถึงไตรมาสที่ 1 ปี 2563 จะออกมาไม่ดีนัก
อย่างไรก็ตาม หลังจาก พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 มีผลบังคับใช้ ซึ่งคาดว่าจะเบิกจ่ายได้ในเดือน เม.ย.นี้ แต่สถานการณ์ไวรัส covid-19 เชื่อว่ายังมีผลกระทบไปอีกระยะหนึ่งแล้วทางจีนจะสามารถคุมสถานการณ์ได้ และเมื่อเริ่มนิ่งแล้วหลังจากนั้นการท่องเที่ยวจากต่างชาติจึงจะเริ่มฟื้นตัว
ดังนั้น ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เตรียมเสนอ ห้มีการเพิ่มวันหยุดยาวต่อเนื่องให้มีวันหยุดยาวมากขึ้น เช่น ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งคนจะมีการเดินทางกลับภูมิลำเนาและเดินทางท่องเที่ยวหากมีการขยายวันหยุดเพิ่มขึ้นก็จะเป็นการช่วยให้เกิดการท่องเที่ยวได้มากขึ้น ทั้งนี้ ได้ประสานนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ไปพิจารณาเติมวันหยุดชดเชยของช่วงครึ่งปีหลังหรือปลายปีเอามาไว้ในไตรมาส 1 และไตรมาส 2 แทน แล้วปลายปีก็ไม่ต้องมีวันหยุดชดเชยอีก เพื่อส่งเสริมให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศในช่วงครึ่งปีแรกซึ่งการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรน่า
- เลื่อน งาน”เปิดโลกทะเลชุมพร 63″เหตุวิตก “covid-19” – งบฯ63ล่าช้า
- “โคโรนา-งบล่าช้า-PM2.5” ฉุดจีดีพีปี63 กกร. ลด เหลือ 2.5-3.0 %
นอกจากนนี้ ในส่วนของมาตรการเรื่องการส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยเฉพาะมาตรการที่จะสนับสนุนการท่องเที่ยในประเทศได้เร่งรัดให้กระทรวงการคลังนำมาตรการชิม ช้อป ใช้ เฟส 4 เสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) คาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.เร็วๆนี้ โดยให้สอดคล้องกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศซึ่งจะเป็นส่วนส่งเสริมการท่องเที่ยวได้มากขึ้นภายหลังจากที่ ครม.มีมาตรการสนับสนุนการอบรมสัมนาในประเทศแล้ว
ทั้งนี้ นี้ได้กำชับกับให้กองทุนหมู่บ้านที่มีโครงการอบรมสัมนาของสมาชิกและกรรมการให้เดินทางไปดูหมู่บ้านต้นแบบของการพัฒนาด้านต่างๆ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นการเติมความรู้ให้กับประชาชนและได้นำกลับมาพัฒนาหมู่บ้านตนเองได้ด้วย
รวมทั้งรัฐบาลได้เตรียมที่จะมีการออกมาตรการเพื่อพยุงเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยเตรียมที่จะเพิ่มทุนครั้งใหม่ให้กับกองทุนหมู่บ้าน ซึ่งได้สั่งให้กระทรวงการคลังหารือกับกองทุนหมู่บ้านและธนาคารเฉพาะกิจของรัฐบาล ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารออมสิน ในการดำเนินการและรัฐบาลจะตั้งงบประมาณใช้คืนให้กับ ธ.ก.ส.และออมสินต่อไป
ทั้งนี้ เพื่อให้กองทุนหมู่บ้านทั่วประเทศ 70,000 กว่าแห่งมีเม็ดเงินที่ใช้เป็นเงินตั้งต้นในการพัฒนาโครงการต่างๆ ตามความความต้องการของหมู่บ้าน ทั้งการพัฒนาแหล่งน้ำ ทำฝาย พัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวชุมชน การแปรรูป โรงสีซึ่งเม็ดเงินจะต้องเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจภายในเดือน มี.ค.หรือต้น เม.ย.นี้
พร้อมทั้งให้กระทรวงการคลังไปเตรียมการหาแหล่งเงินกู้เพื่อไปดำเนินโครงการลงทุนที่มีความจำเป็นก่อนและกู้ยืมในกรอบที่กฎหมายให้ทำได้ เช่น นำไปลงทุนในโครงการพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำเพื่อรับกับปัญหาภัยแล้งที่กำลังเกิดขึ้นด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
