“คลัง” แจงข้อเท็จจริงเศรษฐกิจชาติ ชี้ส่งออกดีขึ้นต่อเนื่อง แถมบริโภคในประเทศขยับขึ้นตาม ส่วนท่องเที่ยวยอมรับไวรัสมีผลกระทบ แถมปัจจัยภายนอกกระทบลงทุน
หมายเหตุ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เผยแพร่เอกสารเพื่อชี้แจงถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจในประเทศไทยปี 2563 ที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออก การท่องเที่ยว การบริโภคของประชาชน และการลงทุนภาคเอกชน หลังจากมีประเด็นวิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยระบุถึงข้อเท็จจริง และมีการชี้แจงในแต่ละประเด็นว่า
1. การส่งออกล่าสุดในเดือน ธ.ค. 2562 เริ่มเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยมูลค่าการส่งออกในเดือน ธ.ค. 2562 หดตัวชะลอลงมาอยู่ที่ร้อยละ -1.3 ต่อปี จากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวสูงที่ร้อยละ -7.3 ต่อปี หรือคิดเป็นการขยายตัวหลังปรับฤดูกาลที่ร้อยละ 3.9 ต่อเดือน (%mom s.a.) นอกจากนั้นเมื่อหักทองคำและสินค้าที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันพบว่า มูลค่าการส่งออกในเดือน ธ.ค. 2562 กลับมาขยายตัวที่ร้อยละ 1.2 ต่อปี
โดยสินค้าที่ขยายตัวสูงได้แก่หมวดอุตสาหกรรมเกษตร และอิเล็กทรอนิกส์ที่ขยายตัวได้ร้อยละ 9.1 และ 6.0 ต่อปี ตามลำดับ แสดงให้เห็นถึงทิศทางการส่งออกสินค้าของไทยในปี 2563 ที่ดีขึ้น ประกอบกับการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน มีความคืบหน้าเป็นอย่างดี โดยล่าสุดได้มีการลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกแล้ว เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 63 ซึ่งจะช่วยลดปัจจัยความไม่แน่นอนที่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก และสนับสนุนภาคการส่งออกของไทยในปี 2563
2. ภาคการท่องเที่ยวของไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน และเมื่ออ้างอิงจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ประเมินสถานการณ์ท่องเที่ยวจีนในเดือน ม.ค.-เม.ย.2563 โดยสำนักงาน ททท. ในจีน 5 แห่ง ประเมินว่ากระทบรายได้จากการท่องเที่ยว 95,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีรัฐบาลได้ก็ได้ออกมาตรการด้านต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างประเทศอยู่แล้ว อาทิ มาตรการ VOA หรือ Visa On Arrival และการนำระบบเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) มาใช้ให้บริการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยวผ่าน Mobile Application ที่แรกของโลก หรือที่เรียกว่า Thailand VRT นอกจากนั้นในปี 2563 ก็ยังมีการจัด Event ใหญ่ ๆ ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ อย่างการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือศึกโมโตจีพี 2020 สนาม 2
ซึ่งในปีที่ผ่านมีจำนวนยอดผู้เข้าชมรวมทั้งสิ้นถึง 226,655 คน ยิ่งไปกว่านั้นกระทรวงการคลังก็ยังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเพื่อรับมือกับสถานการณ์ โดยจะได้มีมาตรการต่าง ๆ เพื่อรองรับผลกระทบดังกล่าวต่อไป ทั้งนี้กระทรวงการคลังประเมินว่า กรณีสถานการณ์การระบาดของโรคไม่ยืดเยื้อ กล่าวคือ สถานการณ์คลี่คลายภายใน 4 เดือน จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศโดยรวมจะค่อย ๆ ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 และทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศทั้งปี 2563 สามารถขยายตัวได้
- สศอ.ยันถูกตัดสิทธิ GSP ไม่กระทบส่งออก คาดขยายตัว ร้อยละ 2.74
- ครม.ศก.ไฟเขียว มาตรการช่วยท่องเที่ยวจากผลกระทบ ไวรัสโคโรนา
3. การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเช่นกัน สะท้อนได้จาก ภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บจากการบริโภคภายในประเทศ (ณ ราคาคงที่) ในเดือน ธ.ค. 2562 ที่ขยายตัวร้อยละ 4.9 ต่อปี ขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 3.7 ต่อปี ส่วนหนึ่งได้รับอานิสงค์จากมาตรการชิมช้อปใช้ที่รัฐบาลได้เริ่มดำเนินการในวันที่ 27 ก.ย. 2562 ถึง วันที่ 31 ม.ค. 2563 ที่ผ่านมา
ขณะที่เมื่อพิจารณารายได้เกษตรกรที่แท้จริงพบว่า ยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยรายได้เกษตรกรที่แท้จริงในเดือน ธ.ค. 2562 ขยายตัวที่ร้อยละ 1.5 ต่อปี หมวดที่ขยายตัวสูงได้แก่ หมวดไม้ผล หมวดประมง และปาล์มน้ำมัน สำหรับสถานการณ์หนี้ครัวเรือนล่าสุดพบว่า สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ค่อนข้างทรงตัว จากข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ปี 2551 พบว่า สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP เคยแตะระดับสูงสุดที่ร้อยละ 81.2 เมื่อปี 2558 และค่อย ๆ ปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่อง
และล่าสุดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ในไตรมาส 3 ปี 2562 อยู่ที่ 13.24 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 79.1 ต่อ GDP โดยหนี้ส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่มีสินทรัพย์เป็นหลักประกัน เช่น ที่อยู่อาศัย และรถยนต์ จึงมีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งหากมองว่าหนี้เหล่านี้เป็นไปเพื่อการสะสมความมั่งคั่งในรูปสินทรัพย์และเพื่อการลงทุนทำธุรกิจหารายได้แล้ว ก็จะส่งผลดีต่อความมั่นคงทางทรัพย์สินและรายได้ของครัวเรือนด้วย
4. การลงทุนภาคเอกชนที่ชะลอตัวลงเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอกประเทศที่เกิดจากกรณีข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว และส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังเศรษฐกิจไทยผ่านการส่งออกและการผลิตสินค้า
ด้วยเหตุนี้ คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2563 เห็นชอบมาตรการการเงินการคลังเพื่อสนับสนุนการลงทุนในประเทศ ปี 2563 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อส่งเสริมการลงทุนภายในประเทศและสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าจะก่อให้เกิดการลงทุนใหม่เพิ่มขึ้น 110,000 ล้านบาท รวมถึงเป็นการเพิ่มศักยภาพในการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะยาวต่อไป โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1) มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหักรายจ่ายเพื่อการลงทุนในเครื่องจักรได้ร้อยละ 250 หรือ 2.5 เท่า ของรายจ่ายตามจำนวนที่จ่ายจริง
2) มาตรการยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร ซึ่งปัจจุบันเครื่องจักรส่วนใหญ่ได้รับการยกเว้นอากรขาเข้าอยู่แล้ว มาตรการยกเว้นอากรขาเข้าในครั้งนี้จะยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรส่วนที่เหลืออีก 146 รายการ โดยของที่ได้รับยกเว้นอากรต้องเป็นของที่ไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน
3) มาตรการสินเชื่อเพื่อการลงทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษจากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการปรับปรุงเครื่องจักรใหม่ หรือซื้อเครื่องจักรใหม่เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ คงที่ปีที่ 1 – 2 ร้อยละ 2 และปีที่ 3 – 5 ร้อยละ 4 วงเงินกู้สูงสุดต่อราย 100 ล้านบาท ภายใต้วงเงิน 5,000 ล้านบาท ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2563
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
SMEs รอดแล้ว ! บสย. ดึงแบงก์ ปล่อยสินเชื่อเข้าระบบ 1.8 แสนล้าน
คลัง ปรับเป้าจีดีพี ปี 63 เหลือ 2.8 %
