อุตตม ดันออก พรก.กู้เงินเพื่อลงทุนทดแทน งบฯ 63 ล่าช้า

อุตตม ดันออก พรก.กู้เงินเพื่อลงทุนทดแทน งบฯ 63 ล่าช้า


อุตตม เตรียมแผนสำรองรับ งบประมาณปี 63 ล่าช้าเหตุเสียบบัตรแทนกัน โดย เตรียม พ.ร.ก.กู้เงินเพื่อใช้ในโครงการลงทุน และ เร่งรัดงบลงทุน รัฐวิสาหกิจ รวมทั้งผลักดันการลงทุนเอกชนให้มากขึ้น มั่นใจไม่ส่งกระทบความเชื่อมันต่อนักลงทุน

 

นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยถึงแนวทางการแก้ไขปัญหา ความล่าช้าของงบประมาณ ปี 63 อันเนื่องจากถูกส่งศาล รธน.พิจารณากรณีเสีบบัตรโหวตผ่านร่างฯแทนกันว่า รัฐบาลเตรียมออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เพื่อกู้เงินลงทุนในโครงการลงทุน ตามปีงบประมาณ 2563 ไปก่อน อย่างไรก็ตามในเรื่องร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2563 เป็นหน้าที่ของสภาที่ดำเนินการอยู่ ต้องรอดูว่าจะทำอย่างไร หน้าที่ของรัฐบาลและ กระทรวงการคลัง รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด มีหน้าที่ต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจ ความมั่นคง ถ้างบประมาณ 2563 ล่าช้าออกไปอีก ก็ให้หน่วยงานของคลัง พิจารณาทางเลือกต่างๆ เพื่อเสนอให้รัฐบาลแก้ไข ซึ่งมีหลายทางเลือก และการออก พ.ร.ก.กู้เงินเพื่อมาลงทุนแทนงบปี 2563 ก็เป็นแนวทางหนึ่ง

นายอุตตม กล่าวอีกว่า การที่งบประมาณ 2563 ล่าช้าออกไปอีกไม่ส่งผลกระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุน เพราะรัฐบาลมีการเตรียมมาตรการที่เหมาะสมไว้แล้ว มีการหารือกับสำนักงบประมาณถึงทางเลือก และอำนาจทางกฎหมาย ว่าจะแก้ปัญหางบประมาณ 2563 ไม่ผ่านอย่างไรไว้แล้ว โดยสำนักงบประมาณได้แจ้งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และหน่วยงานของรัฐ ให้มีการเตรียมเซ็นสัญญาโครงการลงทุนของงบประมาณปี 2563 ไว้ให้พร้อม เมื่องบประมาณผ่าน หรือ มีมาตรการหาเงินลงทุนมาใช้แทน จะได้ดำเนินการเซ็นสัญญาลงทุนได้ทันที

 

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องงบประมาณ 2563 ไม่อยากให้มองโลกในแง่ร้าย แต่เป็นเรื่องใหญ่ ต้องการเห็นทุกฝ่ายคิดถึงผลกระทบกับประเทศส่วนรวม งบประมาณ 2563 ขณะนี้ก็ล่าช้าอยู่แล้ว ถ้าช้าออกไปอีก ก็ควรช้าน้อยที่สุด เพราะเศรษฐกิจไม่มีเงินหล่อเลี้ยง รัฐจึงต้องเร่งการลงทุนรัฐวิสาหกิจ และการออกมาตรการดึงให้เอกชนลงทุนปีนี้ให้ได้

ทั้งนี้ นายสมคิด กล่าวในโอกาสตรวจเยี่ยมติดตามงานของธนาคารกรุงไทย ร่วมกับ นายอุตตม ว่า ได้ขอให้ นายผยง ศรีวณิช ผู้จัดการธนาคารกรุงไทย ช่วยออกมาตรการผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอ และมีความไม่แน่นอนของงบประมาณปี 2563 ที่ล่าช้า จึงต้องการให้เร่งปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอี เพื่อให้มีเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ ยังต้องการให้ธนาคารกรุงไทยออกมาตรการช่วยแก้หนี้ของข้าราชการ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ฝากให้ดูแลเรื่องนี้มานานมาแล้ว หากมีทางปรับโครงสร้างหนี้ผ่อนปรนได้ ก็ให้หารือร่วมกับธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อออกมาตรการร่วมกัน หากลดดอกเบี้ยสินเชื่อให้กับผู้ขอสินเชื่อได้ก็จะเป็นการดี