“พลังงาน” ถก ”เอ็นจีโอ” นัดแรก รื้อราคาหน้าโรงกลั่น

“พลังงาน” ถก ”เอ็นจีโอ” นัดแรก รื้อราคาหน้าโรงกลั่น


กระทรวงพลังงาน จับมือ ”เอ็นจีโอ” รื้อโครงสร้างราคาน้ำมัน-ก๊าซ ลุยราคาหน้าโรงกลั่นเป็นเรื่องแรก ปลัดพลังงานย้ำ ต้องหาข้อยุติที่ยอมรับได้ทุกฝ่าย ส่วนเอ็นจีโอยันราคาน้ำมันต้องเลิกอิงราคาสิงคโปร์ เหตุมีค่าใช้จ่ายแฝง ส่งผลราคาน้ำมันสูงเกินจริง ถกนัดแรก 28 พ.ย.นี้

 

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะทำงาน เพื่อพลังงานที่เป็นธรรม ประชุมคณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม ครั้งที่ 1 เพื่อร่วมหารือแนวทางการพิจารณาโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซ

นายกุลิศ เปิดเผยว่า เป็นการประชุมครั้งแรกของคณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม ภายหลังจากที่ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้แต่งตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งคณะทำงานฯ มีเป้าหมายร่วมกันในการก้าวข้ามปัญหาข้อโต้แย้ง และความเห็นต่างเรื่องพลังงานที่สะสมมาเป็นระยะเวลานาน ให้ได้ข้อยุติที่เกิดผลเป็นรูปธรรม และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย

 

โดยที่ประชุมมีข้อสรุปแบ่งคณะการทำงานเป็นชุดย่อย 39 คน เพื่อแยกหารือในแต่ละประเด็น ให้การหารือมีความกระชับ และได้ข้อยุติร่วมกันได้เร็วขึ้น ซึ่งได้มีการตกลงกำหนดสัดส่วนคณะย่อยแบ่งเป็น ภาคประชาชน จำนวน 10 คน ได้แก่ ผู้เข้าร่วมประชุม 5 คน และผู้สังเกตการณ์ 5 คน ภาครัฐ จำนวน 10 คน ประกอบด้วย ผู้เข้าร่วมประชุม 5 คน และผู้ติดตาม 5 คน มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หรือ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน พร้อมทั้งเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมให้ข้อมูลในแต่ละประเด็น ทั้งกรมกองต่างๆ และตัวแทนประชาชน และจะนำข้อสรุปจากการหารือในคณะย่อย เข้าสู่การประชุมในคณะใหญ่ต่อไป

“สิ่งที่เราทำ คือทำงานร่วมกัน และได้ข้อยุติร่วมกัน ส่วนจะเป็นยังไง ยังตอบไม่ได้ แต่ตั้งใจให้ได้ข้อยุติที่รัฐ และประชาชนยอมรับ ถอยออกมาให้ได้ข้อยุติ ” นายกุลิศ กล่าว

 

นางสาวรสนา โตสิตระกูล ตัวแทนภาคประชาชน กล่าวว่า ประชาชนรู้สึกไม่เป็นธรรม อยากเรียกร้องให้ลดราคาพลังงาน เราต้องมาดูเป็นส่วนๆ เริ่มต้นจากราคาหน้าโรงกลั่น ที่เทียบราคานำเข้าจากสิงคโปร์ ทำให้ประชาชนสงสัยว่าทำไมไม่ใช้ราคาส่งออก แต่เป็นราคานำเข้า ซึ่งไม่มีค่าใช้จ่ายที่เกิดจริง

“นายสนธิรัตน์ ต้องการทำในหลายเรื่อง ทั้ง โครงสร้างราคาหน้าโรงกลั่น ค่าการตลาด ราคาอ้างอิงราคาก๊าซหุงต้ม และภาษีสรรพสามิตรน้ำมัน ซึ่งเดิมเก็บ 50 สตางค์ ตอนนี้เป็น 6 บาท ก็ต้องไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และคิดว่าน่าจะจบให้ได้ก่อนปีใหม่ เพื่อให้เห็นผลได้ในสิ้นปี เป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน”

“อีกเรื่องหนึ่งคือ ประชาชนตั้งข้อสังเกตว่า เวลาน้ำมันขึ้นครั้งละ 50 สตางค์ต่อลิตร แต่เวลาลดแค่ 30 สตางค์ต่อลิตรตลอด และเงินบาทก็แข็งค่า แต่บอกว่าเรานำเข้าน้ำมัน แต่ราคาน้ำมันกลับขึ้นได้อย่างไร ทำไมเราจึงไม่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็ง ก็ต้องไปหาคำตอบให้ประชาชนด้วย”นางสาวรสนา กล่าว

 

นางสาวรสนา กล่าวอีกว่า แนวทางที่เราต้องการถ้าลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันไปได้ครึ่งหนึ่งคือเหลือ 3 บาทต่อลิตร ประชาชนจะยินดีแน่นอน ขณะเดียวกันรัฐบาลก็จะได้คำชม และช่วยให้เศรษฐกิจถูกกระตุ้น ไม่ใช่กระตุ้นจากการเอาเงินไปแจก แต่ลดต้นทุนค่าครองชีพ และราคาสินค้า แต่กระทรวงพาณิชย์ก็ต้องกำกับราคาสินค้า เพราะเมื่อราคาน้ำมันลดลง ราคาสินค้าก็ต้องลดลงด้วย

“เรื่องภาษีเป็นนโยบายรัฐบาล เหมือนโครงการชิมช็อปใช้ก็เป็นนโยบายรัฐเช่นกัน แต่ใช้เงินไป 1.6 แสนล้านบาท ขณะที่มีคนได้ประโยชน์ไม่เกิน 5 ล้านคน หากเปลี่ยนนโยบายจากชิมช็อปใช้ มาลดภาษีสรรพสามิต ประโยชน์จะตกกับประชาชนทั้งประเทศ “

ทั้งนี้ในปี 2561 รัฐบาลเก็บภาษีสรรพสามิตได้ 2.3 แสนล้านบาท เราก็ไม่ได้หวังว่ารัฐจะตัดออกทั้งหมด แต่หากลดลงมาได้ส่วนหนึ่ง เพื่อแบ่งเบาภาระประชาชน โดยเฉพาะประชาชนที่เป็นคนหาเช้ากินค่ำ ซึ่งกำลังประสบปัญหามาก มีเงินในกระเป๋าน้อย การจับจ่ายน้อย กระทบวงจรเศรษฐกิจในระดับรากหญา ดังนั้นจึงเห็นว่าหากรัฐมีนโยบายลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน จะช่วยเหลือประชาชนได้ทั้งประเทศ

ด้านนางสาวบุญยืน ศิริธรรม ตัวแทนประชาชน กล่าวว่า พลังงานแต่ละเรื่องซับซ้อน ต้องใช้เวลา อย่างไรก็ตามแต่ละครั้งที่นัดประชุมจะแถลงข่าวทุกครั้ง และต้องแถลงข่าวร่วมกัน ถ้าเราจะเป็นคณะทำงาน ไม่ใช่แต่ละคนต่างพูด

ด้านนายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกกระทรวงพลังงานในฐานะคณะทำงานฯ กล่าวว่า ประเด็นที่จะมีการหารือร่วมกันแบ่งเป็น 2 เรื่องหลัก คือ 1. โครงสร้างราคาน้ำมัน และ 2. โครงสร้างราคาก๊าซ ซึ่งมีองค์ประกอบในการหารือ ประกอบด้วย ราคาหน้าโรงกลั่น ภาษี การเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และกองทุนอนุรักษ์พลังงาน และค่าการตลาด โดยเรื่องแรกที่จะมีการหารือร่วมกันคือ ประเด็นราคาหน้าโรงกลั่น ซึ่งจะประชุมในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2562 เวลา 09.00 น.

“เราอาจมีข้อมูลคนละชุด ก็ต้องมาคุยกันบนพื้นฐานความจริงใจ และความจริง อย่างไรก็ตาม แต่ละเรื่องของพลังงานอยู่ในองคาพยพเดียวกัน อาจต้องคุยข้ามเรื่องไปมาด้วย ”

 

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
“สนธิรัตน์”ลุย!น้ำมันบนดิน หนุนดีเซลบี 10 ปักหมุด E20 เป็นเบนซินพื้นฐาน