ทีเอ็มบีเชื่อ ‘ทุเรียนไทย’สดใส คาดปี’62 ส่งออกทะลุ 5 หมื่นล้านบาท

ทีเอ็มบีเชื่อ ‘ทุเรียนไทย’สดใส คาดปี’62 ส่งออกทะลุ 5 หมื่นล้านบาท


ธนาคารทหารไทยเผยทุเรียนไทยไปตลาดโลกกำลังสดใส ปีนี้ 9 เดือนกวาดไปแล้ว 4.8 หมื่นล้านบาท เชื่อทั้งปีทะลุ 5 หมื่นล้านแน่ เร่งรัฐสนับสนุนผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี ธนาคารทหารไทย ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า การส่งออกทุเรียนของไทยในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 37.3% ทำให้ครองแชมป์ส่งออกทุเรียนมากที่สุดในโลกอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าส่งออกมากถึง 46,823 ล้านบาท ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 พร้อมกันนี้ ยังเชื่อว่าตลอดทั้งปีการส่งออกทุเรียนจะมีแนวโน้มสูงกว่า 50,000 ล้านบาท

โดยตลาดใหญ่สุดสำหรับการส่งออกทุเรียนคือ ประเทศจีน ที่มีสัดส่วนนำเข้าทุเรียนจากไทยสูงที่สุดในโลกถึง 65% รองลงมาคือเวียดนาม และฮ่องกง นอกจากนี้ ในโครงสร้างธุรกิจทุเรียนของไทย นับตั้งแต่ปี 2557 พบว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากส่วนแรกคือ ชาวสวนทุเรียนที่เป็นคนไทย ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกราว 8.4 แสนไร่ ขณะที่ส่วนของกลุ่มธุรกิจที่รับซื้อเพื่อส่งออก หรือล้ง ก็มีการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบธุรกิจโรงคัดบรรจุเพื่อรวบรวมผลผลิตทางการเกษตรแล้วส่งออกถึง 617 ราย แยกเป็นนิติบุคคล 300 รายเป็นสัญชาติจีนถึง 35 ราย และเป็นบุคคลธรรมดาอีก 317 รายที่เป็นชาวไทยเกือบทั้งหมด และในส่วนของผู้ส่งออกไปยังต่างประเทศ มีจำนวนกว่า 216 ราย เป็นการถือหุ้นของจีนคิดเป็นส่วนประมาณ 30% ของรายได้ และใน 10 ลำดับแรกของการส่งออกเป็นบริษัทสัญชาติจีนอยู่ถึง 2 บริษัท ซึ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงโอกาสของธุรกิจด้วยคนไทยยังมีข้อจำกัดอยู่

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี ธนาคารทหารไทย ระบุอีกว่า จากโครงสร้างดังกล่าว เห็นได้ว่ากลุ่มธุรกิจจีนมีศักยภาพในด้านเงินทุนและด้านตลาดที่ได้เปรียบกว่าธุรกิจหรือคนไทย แม้ว่าเกษตรกรไทยมีศักยภาพในเรื่องอุปทานมากขึ้น จากปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้น แต่ด้วยโครงสร้างของธุรกิจในปัจจุบัน การที่ไทยจะสามารถส่งออกทุเรียนไปยังจีนยังต้องพึ่งพาศักยภาพ ความสัมพันธ์ของธุรกิจจีนอยู่ ธุรกิจของไทยเองยังมีช่องโหว่ในการเข้าถึงตลาดจีนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นอุปสรรคในเรื่องกฎระเบียบการนำเข้าสินค้า การขาดข้อมูลด้านภาวะตลาดและราคาผลไม้จีน เนื่องจากจีนมีกฎว่าหากต้องการขายสินค้าออนไลน์ในเว็บไซต์ของจีน จะต้องเปิดบัญชีธนาคารของจีนเท่านั้น ทำให้เกษตรกรบางรายขายทุเรียนให้ล้งจีนโดยตรง ผู้ประกอบการล้งและผู้ส่งออกไทยหลายๆรายยังต้องอาศัยชาวชาติเข้ามาร่วมดำเนินการหรือลงทุนด้วย หรือ เพื่อให้เข้าถึงตลาดส่งออกได้มากขึ้น การเข้าถึงตลาดออนไลน์ในจีน ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ จากทิศทางการส่งออกที่มีมูลค่าเกือบ 50,000 ล้านบาทในปีนี้และมีแนวโน้มความต้องการทุเรียนที่เพิ่มขึ้น จึงมีความจำเป็นที่ผู้ประกอบการไทยตั้งแต่เกษตรกรไปจนถึงผู้ส่งออกต้องเร่งสร้างศักยภาพในด้านทำตลาดส่งออกเพิ่มขึ้น ตั้งแต่ผู้ประกอบการต้องพยายามทำให้สินค้ามีมาตรฐานที่สากลยอมรับได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นใช้มาตรฐาน GAP (Good Agricultural Practice : GAP) สำหรับเกษตรกร มาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice : GMP) สำหรับโรงคัดบรรจุ เพื่อการตรวจสอบย้อนกลับทุเรียนที่มีปัญหาและเพื่อรับรองมาตรฐานทุเรียนไทยที่ส่งออกที่มีคุณภาพ การส่งเสริมในการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ทุเรียน ทำให้แข่งขันกับประเทศคู่แข่งที่มีผลผลิตมากขึ้น เช่น มาเลเซีย เวียดนาม ได้ในระยะยาว

นอกจากนี้ ภาครัฐฯต้องมีส่วนช่วยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการมีศักยภาพด้านการตลาดให้มากขึ้น การประสานงานและเจรจาการค้าเพื่อเปิดตลาด ด้านพิธีการศุลกากรระหว่างกันโดยเฉพาะกับตลาดจีน ซึ่งจะช่วยลดอุปสรรคให้ผู้ประกอบการไทยในการส่งออกอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยผู้ประกอบการส่งออกทุเรียนของไทยให้เข้าถึงตลาด เข้าถึงลูกค้าโดยตรงให้มากขึ้น แต่ยังช่วยอำนวยความสะดวกและด้านตลาดแก่ผู้ส่งผลไม้สดประเภทอื่น เช่น ลำไย มังคุด มะพร้าว ซึ่งผลไม้สดและแช่แข็งเหล่านี้รวมกันมีมูลค่ากว่า 70,000 บาทล้านบาทต่อไปและกลายเป็นสินค้าหลักสำคัญที่ส่งออกไปจีนในอนาคตต่อไป

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

‘รมช. พาณิชย์’ กระชับสัมพันธ์การค้าเยอรมนี เตรียมฟื้นเจรจา ตั้งเป้าเม็ดเงินสู่ 1.6 หมื่นล้านเหรียญ