“สนธิรัตน์” ชี้โครงสร้างราคาน้ำมันไทย-มาเลฯ ต่างกัน ปรับราคาเท่ากันยาก ต้องเก็บภาษีนำเข้าน้ำมัน และเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเพื่อรักษาเสถียรภาพ ช่วงราคาน้ำมันตลาดโลกผันผวน
วันนี้ (29 ต.ค.62) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงข้อเรียกร้องของกลุ่มเครือข่ายปฏิรูปพลังงานในนาม”กลุ่มผีเสื้อกระพือปีก” ว่า หัวใจหลัก คือ ต้องการให้ราคาแก๊ส และน้ำมันในประเทศไทย เท่ากับราคาของมาเลเซีย ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงพลังงาน ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปชี้แจง เพื่อทำความเข้าใจ ที่ตรงกันว่า โครงสร้างราคาน้ำมันของไทย และมาเลเซีย แตกต่างกัน เนื่องจากโครงสร้างราคาน้ำมันของไทย มีส่วนของภาษีเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งภาษีตัวนี้ทำให้เกิดความแตกต่างด้านราคา ซึ่งมาเลเซียไม่ได้เก็บภาษีส่วนนี้ เพราะเป็นประเทศผู้ผลิต และส่งออกน้ำมัน และอีกส่วนเรามีการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน เพื่อรักษาเสถียรภาพน้ำมันเวลาราคาน้ำมันตลาดโลกมีความผันผวน โดยลักษณะแบบนี้มาเลเซียไม่มี ต้องเข้าใจว่าพื้นฐานของเรากับมาเลเซียแตกต่างกัน เพราะมาเลเซียเป็นผู้ผลิตน้ำมัน แต่ไทยเป็นผู้นำเข้าน้ำมัน ฉะนั้นกลไกราคาไม่เหมือนกัน
“นอกจากนี้ ราคาน้ำมันในประเทศไทยไม่ได้แพงที่สุดในอาเซียน เราอยู่กลางๆ โดยประเทศที่ราคาน้ำมันถูกกว่าเรา มีเฉพาะเวียดนาม มาเลเซีย ส่วนประเทศอื่นๆ ที่แพงกว่าเรา เช่น สิงคโปร์ ซึ่งเป็นผู้ค้ารายใหญ่ของโลก จึงต้องทำความเข้าใจในเรื่องนี้ หากเราไม่ได้เป็นผู้ผลิตน้ำมัน แต่จะต้องนำเข้าน้ำมันเกือบ 100% ทำให้เราเสียดุลการค้ามากในอนาคต อย่างไรก็ดี ข้อคิดเห็นของพี่น้องกลุ่มต่างๆ กระทรวงพลังงานจะนำมาดูแลอย่างดี เพื่อพิจารณาว่า จะสามารถปรับกลไกเดิมที่ทำกันไว้ ให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนมากที่สุด”นายสนธิรัตน์ กล่าวในท้ายสุด
ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
“สนธิรัตน์” เปิดตัว “B10” ชวนคนไทยเติมหวังช่วยชาวสวนปาล์ม-ลดฝุ่น PM 2.5