หวั่นราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น 80 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล กระทบศก.

หวั่นราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น 80 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล กระทบศก.


ศูนย์วิจัยกสิกรไทยหวั่นหากซาอุฯใช้การตอบโต้เหตุการณ์โจมตีโรงกลั่นจะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบขึ้นไปถึง70-80 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล และจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจลดลง 0.2-0.3 ทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 1.08 ต้นทุนโลจิสติกส์สูงขึ้น

จากเหตุการณ์โรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ 2 แห่งของซาอุดีอาระเบียถูกโจมตีทางอากาศเมื่อวันเสาร์ที่ 14 ก.ย. 2562 ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวสูงขึ้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินผลกระทบของเหตุการณ์นี้ต่อเศรษฐกิจไทยโดยแบ่งเป็น 2 กรณี ดังต่อไปนี้

กรณีฐานซาอุดีอาระเบียไม่ได้ใช้ความรุนแรงในการตอบโต้ ก็น่าจะทำให้ราคาน้ำมันดิบทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ 1-2 สัปดาห์ และทยอยปรับตัวลดลงเข้าสู่ระดับเดิมก่อนเกิดสถานการณ์ โดยคาดว่าจะทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วง 4 เดือนหลังของปี 2562 ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.05 จากประมาณการเงินเฟ้อทั่วไปเดิม ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยตลอดทั้งปี 2562 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 0.84

แต่ถ้าหากกรณีที่ซาอุดีอาระเบียใช้ความรุนแรงในการตอบโต้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบโลกยืนอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี 2562 สถานการณ์ที่รุนแรงขึ้นประกอบกับอุปทานน้ำมันดิบโลกที่ลดลงน่าจะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในระดับที่สูงขึ้นมาอยู่ในกรอบ 70-80 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรลในช่วงที่เหลือของปี 2562 โดยอาจจะให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยตลอดทั้งปี 2562 ขยับขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 1.08 หรือปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ปรับตัวสูงขึ้นจะส่งผลให้การค้าระหว่างประเทศของไทยในปี 2562 เกินดุลลดลงราว 1,231 ล้านดอลลาร์ฯ นอกจากนี้ยังส่งผลให้ราคาพลังงานในประเทศปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลต่อต้นทุนการขนส่ง สินค้าอุปโภคบริโภคและการดำเนินชีวิตของประชาชน

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินผลกระทบจากการเกินดุลการค้าที่ลดลงจะส่งผลต่อเนื่องไปยังอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในปี 2562 ให้ลดลงราวร้อยละ 0.2-0.3 ขึ้นอยู่กับนโยบายภาครัฐในการดูแลราคาพลังงานในประเทศ อย่างไรก็ตาม การเกินดุลการค้าที่ลดลงอาจจะเป็นปัจจัยที่ช่วยบรรเทาแรงกดดันของค่าเงินบาทที่แข็งค่าจากการเกินดุลการค้าของไทยที่อยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง

ทางด้านนายบวร วงศ์สินอุดม รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ระยะสั้นอย่างน้อย 50 วันนี้ ไทยจะยังไม่ขาดแคลนน้ำมัน เพราะมีปริมาณสำรองจากแหล่งต่างๆ แต่จะส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพที่จะปรับตัวสูงขึ้น เพราะการปรับตัวของราคาพลังงานสูงขึ้น เช่นน้ำมัน, ก๊าซหุงต้ม, ก๊าซธรรมชาติเหลว (ก๊าซแอลเอ็นจี) ที่ปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ขณะนี้ขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 69 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรลแล้ว

ทั้งราคาหุ้นก็จะปรับตัวขึ้นตามด้วย พร้อมกับมองว่า ความขัดแย้งของคู่กรณีในเหตุการณ์โจมตีโรงกลั่นน้ำมันของซาอุดิอาระเบียจะเป็นตัวกำหนดราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก พร้อมกันนี้เพื่อความไม่ประมาทรัฐบาลควรหาตลาดที่จะซื้อน้ำมันเพิ่มเติมเพื่อนำมาไว้เป็นแหล่งสำรอง