“ลาว-ไทย-มาเลเซีย” ลงนาม เชื่อมไฟฟ้า 300 เมกะวัตต์

“ลาว-ไทย-มาเลเซีย” ลงนาม เชื่อมไฟฟ้า 300 เมกะวัตต์


ชื่นมื่น! การหารือ 3 ฝ่ายระหว่าง สปป.ลาว ไทย และมาเลเซีย ในการเชื่อมโยงเครือข่ายไฟฟ้า ได้ข้อสรุปขยายความร่วมมือสัญญาซื้อขายสู่เฟส 2 พร้อมเพิ่มปริมาณซื้อขายไฟสูงสุดจาก 100 เมะวัตต์ เป็น 300 เมกะวัตต์ เตรียมลงนามสัญญาได้ภายในปี 2562 คาดช่วยเพิ่มโอกาสซื้อขายไฟฟ้าแบบพหุภาคีระดับภูมิภาค

วันนี้ (4 ก.ย.62) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วย นายคำมะนี อินทิลาด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและบ่อแร่ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว) และยิว บี ยิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ สหพันธรัฐมาเลเซีย แถลงข่าวการขยายความร่วมมือในการเชื่อมโยงพลังงานไฟฟ้าระหว่าง สปป.ลาว ไทย และมาเลเซีย (Lao PDR, Thailand, Malaysia – Power Integration Project : LTM – PIP)

ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวเป็นการหารือ 3 ฝ่ายที่เกิดขึ้นระหว่างการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงานครั้งที่ 37 และ การประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง (ASEAN Ministers on Energy Meeting and Associated Meeting : 37th AMEM) ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศไทย

นายสนธิรัตน์ เปิดเผยว่า ทั้ง 3 ประเทศเห็นชอบในถ้อยแถลงร่วมว่าด้วยโครงการบูรณาการด้านไฟฟ้าระหว่างสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ไทย และสหพันธรัฐมาเลเซีย ระยะที่ 2 โดยขยายสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเพิ่มเติมอีก 2 ปี และเพิ่มปริมาณการซื้อขายสูงสุดเป็น 300 เมกะวัตต์ (MW) จากเดิม 100 เมกะวัตต์

ทั้งนี้ได้มีการร่วมจัดทำร่างสัญญาซื้อขายไฟฟ้าฉบับเพิ่มเติม (Supplementary Agreement) ของสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Energy Purchase and Wheeling Agreement) ซึ่งไทยจะได้นำร่างเอกสารดังกล่าวเข้าขอรับความเห็นชอบตามกระบวนการภายใน ซึ่งคาดว่าจะมีการลงนามภายในปี 2562

“ความสำเร็จในการร่วมมือโครงการบูรณาการด้านไฟฟ้าของทั้ง 3 ประเทศในระยะที่ 2 นี้ จะเป็นรากฐานสำหรับการเพิ่มโอกาสการซื้อขายไฟฟ้าแบบพหุภาคีในระดับภูมิภาค และการขับเคลื่อนอาเซียนไปสู่ความมั่นคงด้านพลังงานและการพัฒนาพลังงานอย่างยั่งยืนต่อไป” นายสนธิรัตน์ กล่าว

โครงการ LTM-PIP ได้มีการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโดยผู้ว่าการไฟฟ้าของทั้ง 3 ประเทศ และมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของทั้งสามประเทศเป็นสักขีพยาน ในระหว่างการประชุม AMEM ครั้งที่ 35 ซึ่งจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 25-29 กันยายน 2560 ณ ประเทศฟิลิปปินส์

 

และได้มีการซื้อขายไฟฟ้าตามสัญญาระบุ 1 มกราคม 2561 – 31 ธันวาคม 2562 โดยกำหนดปริมาณสูงสุด 100 เมกะวัตต์ ต่อมาในระหว่างการประชุม AMEM ครั้งที่ 36 ณ ประเทศสิงคโปร์ โดยรัฐมนตรีพลังงานของทั้ง 3 ประเทศ ได้เห็นชอบให้มีการศึกษาความเป็นไปได้สำหรับโครงการ LTM-PIP เฟส 2 โดยเพิ่มปริมาณการซื้อขายสูงสุดเป็น 300 เมกะวัตต์ ซึ่งต่อมาคณะทำงานได้เห็นชอบให้มีการจัดทำร่างสัญญาซื้อขายไฟฟ้าฉบับเพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าจะสามารถลงนามร่วมกัน 3 ประเทศได้ภายในสิ้นปีนี้

ทั้งนี้ การลงนามขยายกรอบการซื้อขายไฟฟ้าของ 3 ประเทศ คือ ลาว ไทย มาเลเซีย จากเดิม 100 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นเป็น 300 เมกะวัตต์ เนื่องจากมาเลเซียมีความต้องการไฟฟ้าจากลาวมากขึ้น โดยไทยจะเป็นจุดเชื่อมต่อการซื้อขายไฟฟ้าระหว่าง 2 ประเทศ พร้อมทั้งสั่งการไฟฟ้าฯ เร่งลงทุนแผนสายส่ง รองรับไทยเป็นจุดเชื่อมโยงอาเซียน

นอกจากนี้ การประชุมในครั้งนี้จะมีการรายงานประเด็นด้านพลังงาน ที่ประเทศไทยให้ความสำคัญ และเป็นผู้นำในการผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในปี 2562 จำนวน 4 ด้าน คือ

1. ด้านไฟฟ้า ประกอบด้วยการเชื่อมโยงโครงข่ายไฟฟ้าพหุภาคี 3 ประเทศดังกล่าว และการจัดทำข้อเสนอแนะด้านการส่งเสริมให้เกิดการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนในโครงข่ายอาเซียน (RE Integration to grid) ร่วมกับการศึกษาความเป็นไปได้ในการซื้อ-ขายไฟฟ้าพหุภาคีอาเซียน

2. ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน ประกอบด้วย การจัดทำข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับเครื่องปรับอากาศ และเครื่องทำความเย็นในตลาดอาเซียนให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน การจัดทำมาตรฐานห้องปฏิบัติการ (Lab Test) สำหรับทดสอบประสิทธิภาพเครื่องปรับอากาสในครัวเรือน และการศึกษามาตรการด้านการเงิน เพื่อสนับสนุนโครงการรใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและอนุรักษ์พลังงาน

3. ด้านพลังงานทดแทน ประกอบด้วย การลงนามความร่วมมือ (MOU) ระหว่างศูนย์พลังงานอาเซียน และสถาบันพันธมิตรของอาเซียนเพื่อสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์เครือข่ายวิจัยและพัฒนาพลังงานชีวภาพอาเซียน และการรายงาน กรณีศึกษาห่วงโซ่อุปทานพลังงานชีวมวลสำหรับโครงการผลิตไฟฟ้าชีวมวลในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ของไทย เพื่อนำไปขยายผลปรับใช้ในพื้นที่ที่มีลักษณะเดียวกันในอาเซียน และ

4. ด้านก๊าซธรรมชาติ ประกอบด้วย การจัดทำข้อเสนอแนะ เรื่อง การศึกษาโครงสร้างพื้นฐานขนาดเล็กเพื่อรองรับก๊าซธรรมชาติ (Small-scale LNG) ภายใต้ผลการศึกษา Gas Advocacy White Paper

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
ไทยเจ้าภาพ AMEM ครั้งที่ 37 ดันไทยสู่ “ศูนย์เชื่อมโยงไฟฟ้าอาเซียน”