คลังเดินหน้าปฏิรูปภาษี ดันภาษีออนไลน์ เสนอสภาปีนี้

คลังเดินหน้าปฏิรูปภาษี ดันภาษีออนไลน์ เสนอสภาปีนี้


คลังเดินหน้าปฏิรูปภาษี รองรับเศรษฐกิจดิจิทัล แข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน สรรพากรผลักดันภาษีออนไลน์ เสนอสภาในปี 62 ยอมรับลดภาษีบุคคลธรรมดากระทบรายได้รัฐบาล

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง มอบนโยบายให้ผู้บริหารกรมสรรพากร เพื่อผลักดันการปฏิรูปโครงสร้างภาษีทั้งระบบรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ ศึกษาแนวโน้มอัตราภาษีของประเทศเพื่อนบ้าน และดูแลประชาชนทั่วไปให้เป็นธรรม สำหรับการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเหลือร้อยละ 10 นั้น ต้องพิจารณาหลายปัจจัยให้สอดคล้องกัน ขณะที่ภาษีนิติบุคคลต้องแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยกรมสรรพากรเตรียมเปิดระบบ Block Chain ในเดือนตุลาคม 62 ให้บริการภาษียุคใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง

กรมสรรพกากร ยังต้องเร่งผลักดันร่าง พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ประกอบการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (e-Business) ต่างประเทศ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาขอกฤษฎีกา คาดว่าจะเสนอสภาพิจารณาได้ภายในปี 62 เพื่อจัดเก็บภาษีจากผู้ค้าออนไลน์รายใหญ่ต่างประเทศ รวมถึง การจัดทำระบบ Big Data เชื่อมโยงข้อมูลภาษีกรมจัดเก็บภาษีทั้งสรรพสามิต กรมศุลกากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกัน นำมาวิเคราะห์แผนการจัดเก็บภาษี เพื่อขยายฐานภาษีให้ครอบคลุมและเป็นธรรมมากขึ้น

นายอุตตม กล่าวยอมรับว่า ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกมีปัญหา ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา (ตุลาคม-กรกฎาคม62) จัดเก็บรายได้รวม 1.595 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 48,444 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.1 และสูงกว่าปีก่อน 101,846 ล้านบาท กรมสรรพากรยังมั่นใจยอดจัดเก็บภาษีในปี 62 จัดเก็บสูงกว่าเป้าหมาย 2 ล้านล้านบาท และในปี 63 คาดว่าจัดเก็บได้ 2.16 ล้านล้านบาท ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเตรียมอัดฉีดเงินออกสู่ระบบช่วงนี้ ต้องติดตามอย่างเร่งรัดและใกล้ชิดเพื่อสู้กับปัญหาเศรษฐกิจโลก รวมไปถึงส่งเสริมการลงทุนผ่านนโยบายภาษี สำหรับแนวทางจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7 จะครบกำหนดในสิ้นเดือนกันยายนี้ ต้องพิจารณาการจัดเก็บให้สอดคล้องกับปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัวเพื่อไม่ให้ทุกฝ่ายเดือดร้อน

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า คาดการณ์จัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ประกอบการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (e-Business) ต่างประเทศ หลังจากได้หารือกับผู้ประกอบการรายใหญ่ อย่างเช่น เฟซบุ๊ก อาลีบาบา อเมซอน ได้เตรียมพร้อมระบบรองรับ คาดว่าจัดเก็บรายได้ภาษีเพิ่ม 3,000-4,000 ล้านบาทต่อปี จากการศึกษาแนวทางจัดเก็บภาษีต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย เกาหลี และยุโรป ประมาณ 20 ประเทศ บริษัทขนาดใหญ่ ต่างมีธรรมาภิบาลจะไม่ยอมเสียชื่อเสียง แต่รายเล็กทั่วไปต้องระวัง ยอมรับว่าหลายประเทศส่วนใหญ่จัดเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น

เพื่อรองรับการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ประกอบการที่ไม่ได้มาจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) กรมสรรพากรเตรียมยกร่างกฎหมาย (Exchange Of Information) ตามมาตรฐาน OECD เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประเทศ ส่งข้อมูลของประเทศสมาชิก เพื่อประเมินรายได้ภาษีระหว่างสมาชิกในการจัดเก็บภาษีการค้าออนไลน์ เนื่องจากทั้งโลกเกิดปัญหาภาษีเงินได้นิติบุคคลจัดเก็บไม่ได้เมื่อมีการขายสินค้าออนไลน์ รวมทั้งเพื่อลดปัญหา บริษัทต่างชาติไม่ได้ตั้งสำนักงานในประเทศไทย จึงไม่มีอำนาจจัดเก็บภาษี จึงต้องออกร่างกฎหมายแบบใหม่ เหมือนกับฝรั่งเศส ซึ่งเป็นอีกแนวทางในการออกกฎหมายจัดเก็บภาษีแบบใหม่ สรรพากรจึงต้องศึกษาแนวทางจัดเก็บภาษีร้อยละ 3 ของรายรับจากธุรกรรมที่เกิดขึ้น

นายเอกนิติ กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวคิดการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเหลือร้อยละ 10 ยอมรับว่า รัฐบาลสูญเสียฐานรายได้แน่นอน และมีปัญหาประเด็นความเหลื่อมล้ำตามมา เพราะฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปัจจุบัน มีผู้ยื่นแบบเสียภาษี 10.7 ล้านรายต่อปี เมื่อคำนวณแล้วจะเหลือผู้มีเงินได้ต้องเสียภาษีมีเพียง 4 ล้านคน ที่ต้องเสียภาษีจริง ส่วนผู้ยื่นแบบคนอื่นได้รับการหักลดหย่อน หรือไม่เข้าข่ายเสียภาษี โดยผู้มีรายได้สูงหรือคนรวยประมาณร้อยละ 3 จ่ายรายได้ภาษีให้รัฐบาลสัดส่วนถึงร้อยละ 72 ดังนั้นหากลดอัตราภาษีกระทบรายได้รัฐอย่างแน่นอนและสร้างปัญหาความเหลื่อมล้ำเพิ่มเติมอีก ปัจจุบันรายได้บุคคลธรรมดาประมาณ 4 แสนล้านบาท ร้อยละ 17 จากบุคคลธรรมดา โดยรายได้กรมสรรพากรทั้งหมด 2 ล้านล้านบาท ดังนั้นการลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต้องพิจาณาให้รอบคอบ

 

 

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
อุตตม หนุนหมอคลัง ดูแลการเงินชุมชน