“อุตตม” เร่งผลักดันให้ผู้ประกอบการ SMEs เข้าจดทะเบียนในตลาด mai เพื่อสร้างความเข้มแข็ง ชี้! SMEs ต้องเร่งปรับตัวใช้เทคโนโลยี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
วันนี้ (13 ก.ค.62) นายอุตตม สาวนายน ว่าที่ รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานเปิดงาน mai Forum 2019 ว่า เมื่อรัฐบาลได้เข้ามาทำงานจะเร่งผลักดันให้ผู้ประกอบการรายย่อยหรือ SMEs เข้าจดทะเบียนในตลาด mai เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและสร้างความเข้มแข็ง รวมถึงต้องเร่งปรับตัว SMEs ในการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมให้เหมาะสม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก
สำหรับงานครั้งนี้ ถือว่าเป็นการเชื่องโยงนโยบายของรัฐบาล ในการพัฒนาผู้ประกอบการ SME ที่ตลาดหลักทรัพย์ mai ได้จัดงานครบรอบ 20 ปี โดยนายอุตตม สาวนายน ได้ร่วมหารือกับผู้บริหารของ mai และได้ฝากโจทย์ไว้คือ
1.ขอให้ mai และพันธมิตร มีส่วนช่วยในการร่วมพัฒนาผู้ประกอบการรายเล็ก เน้นผู้ประกอบการในส่วนของภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อพัฒนาศักยภาพทางการแข่งขันของผู้ประกอบการในตลาดโลก
2. การรักษามาตรฐานของบริษัทในตลาด mai และการเข้าสู่ตลาด mai ของบริษัท ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุน
3.การเร่งปรับตัวของผู้ประกอบการ SME ,Micro SME รวมไปถึงกลุ่ม Startup ที่จะต้องเรียนรู้เข้าถึงการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม เข้ามาเสริมเป็นตัวช่วย
นายอุตตม กล่าวว่า ในส่วนของระบบการเงิน ตนอยากเห็นระบบการเงินที่มีองค์ประกอบสมบูรณ์ ตอบโจทย์การช่วยเหลือพัฒนาผู้ประกอบการตั้งแต่ฐานราก เราไม่ได้พูดถึงแค่ตลาดหลักทรัพย์ที่จดทะเบียน แต่เรายังมีเครื่องไม้เครื่องมืออื่นๆด้วย เช่น เรื่องของการร่วมทุน Venture Capital การลงทุนแบบดิจิทัลสมัยใหม่
“ที่สำคัญรัฐบาลได้สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินสมัยใหม่เอาไว้บ้างแล้ว ทั้งระบบ E-payment ซึ่งต้องมีการต่อยอดเพื่อให้เกิดการใช้งานอย่างกว้างขวาง และสามารถใช้โครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ยกระดับขีดความสามารถผู้ประกอบการได้ด้วย โดยเฉพาะ SME รายเล็ก” นายอุตตม กล่าวเพิ่มเติม
ว่าที่รมว.คลัง กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ สำหรับเรื่องของการลดภาษีบุคคลธรรมดา และภาษีออนไลน์ รัฐบาลจะต้องมีการศึกษาให้ละเอียดรอบคอบก่อนที่จะมีการกำหนดมาตรการในการดำเนินการต่อไป เพราะจะต้องทำให้เกิดความสมดุลของระบบการเงิน ในขณะเดียวกันต้องการให้ธุรกิจออนไลน์เติบโตเพิ่มมากขึ้น โดยเชื่อว่าจะสามารถหาจุดสมดุลของการดำเนินการในเรื่องนี้ได้ ซึ่งจะต้องเป็นประโยชน์ต่อทั้งประชาชน บุคคลธรรมดา นิติบุคคล และผู้ประกอบการด้วย
นายอุตตม กล่าวอีกว่าในส่วนของมาตรการด้านการกระตุ้นเศรษฐกิจ เราเชื่อว่าถ้าสถานการณ์เศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากภายนอก ก็จะต้องมีมาตรการที่จะช่วยผ่อนแรงกระทบ ส่วนมาตรการจะต้องตอบโจทย์แก้ไขปัญหาได้ตรงเป้า เล็งเห็นผลได้ ไม่ใช่การทำแบบฉาบฉวย และจะต้องสอดรับกับงบประมาณไม่ให้เกิดผลกระทบ เพราะงบประมาณจำเป็นที่จะต้องใช้ในหลายด้านไม่ใช่แค่เรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว
“ ผมเชื่อว่ารัฐบาลมีความพร้อมที่จะดำเนินการโดยมีชุดมาตรการที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์เพื่อทำให้เศรษฐกิจของประเทศเดินหน้าไปได้” นายอุตตม กล่าว
สำหรับ เรื่องค่าแรงที่จะมีการปรับเพิ่มขึ้นนั้น นายอุตตม กล่าวว่า ขณะนี้ได้ร่วมพูดคุยกับหลายๆพรรคที่ได้นำเสนอนโยบายดังกล่าวด้วยเช่นกัน และเชื่อว่าก็จะมีการกำหนดแนวทางนี้ร่วมกันได้ ประเด็นสำคัญคือ การปรับขึ้นค่าแรงนั้นจะต้องทำควบคู่กับการปรับยกระดับทักษะฝีมือขีดความสามารถของผู้ประกอบการ แยกแยะเป็นแต่ละระดับ ไม่สามารถทำเรื่องใดเรื่องหนึ่งก่อนอีกเรื่องหนึ่งได้
“วันนี้โจทย์ใหญ่เราต้องการปรับเปลี่ยนเศรษฐกิจไทย ร่วมกันทำให้เศรษฐกิจไทยเกิดความเข้มแข็งเดินหน้าไปต่อได้ เรื่องของบุคลากรจึงสำคัญที่สุด ความยุติธรรมของรายได้ค่าตอบแทนก็มีความจำเป็นเพื่อดูแลครอบครัว สังคม แต่ขณะเดียวกันจะยั่งยืนก็ต้องอาศัยทักษะฝีมือของแรงงานทั้งหมาย ผมเชื่อว่าเรื่องเหล่านี้รัฐบาลจะดูแลควบคู่กันไป” นายอุตตม กล่าวย้ำ