“บิ๊กตู่”มั่นใจไทย-อาเซียน พร้อมเป็นศูนย์กลางการลงทุนโลก

“บิ๊กตู่”มั่นใจไทย-อาเซียน พร้อมเป็นศูนย์กลางการลงทุนโลก


“บิ๊กตู่” โชว์วิสัยทัศน์ประชุมผู้นำอาเซียน เชื่อไทยและอาเซียนสามารถเป็นศูนย์การนักลงทุนทั่วโลก พร้อมผลักดัน 3 ยุทธศาสตร์เป็นรูปธรรมในปี 2562

วันนี้ (21 มิ.ย. 62)-กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานและกล่าวปาฐกถาในโอกาสการประชุมผู้นำธุรกิจอาเซียน ครั้งที่ 5 “The Future of Thailand and ASEAN” โดยในการประชุมครั้งนี้มี นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พร้อมด้วยผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูต ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชนกว่า 400 คน เข้าร่วมงาน ภายหลังเสร็จสิ้น พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงวิสัยทัศน์ของไทยว่าถือเป็นช่วงจังเวลาที่เหมาะสม เพราะประเทศไทยเป็นประธานอาเซียนและจะเป็นเจ้าภาพประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 34 ในประเทศไทยในสัปดาห์หน้านี้ด้วย ซึ่งการหารือจะนำไปขับเคลื่อนต่อของการประชุมกลุ่ม G20 ในฐานะที่นั่งเป็นประธานอาเซียน

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าขณะนี้ไทยและอาเซียนมีศักยภาพและความพร้อมในหลายด้านที่จะเดินหน้าไปสู่การพัฒนาพร้อมกับภูมิภาค ไทยได้ก้าวพ้นสถานการณ์ความไม่สงบ มีความปรองดอง และสามารถแก้ปัญหาคั่งค้างที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศหลายประการ อาทิเช่น ปัญหาการบิน ปัญหาการประมงผิดกฎหมาย การปราบปรามการค้ามนุษย์อย่างเป็นระบบ รวมถึงการอำนวยความสะดวกการทำธุรกิจ ทำให้การจัดอันปี 2561 ของธนาคารโลก ประเทศไทยปรับดีขึ้นมาอยู่อันดับ 27 สูงจากปีก่อน 19 อันดับ สูงเป็นอันดับ 3 ในอาเซียน จากทั้งหมด 190 ประเทศ เป็นการสร้างความมั่นใจกับนักลงทุนทำให้เศรษฐกิจไทยพัฒนาได้ยั่งยืน นอกจากนี้ไทยยังได้ผ่านพ้นการเลือกตั้งตามกระบวนการประชาธิปไตยด้วยความเรียบร้อย เป็นไปตาม roadmap ที่กำหนด และนายกรัฐมนตรีมุ่งมั่นตั้งใจที่จะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อสืบสานนโยบายและการพัฒนาประเทศให้พัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

หากย้อนกลับไปดูปี 2561 สถานการณ์เศรษฐกิจดีขึ้นมากขยายตัวได้ 4.1% สูงสุดในรอบ 8 ปี มูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 2.53 แสนล้านดอลลาร์ สูงเป็นประวัติการณ์เช่นกัน การลงทุนรวมขยายตัว 3.8% ขยายตัวมากสุดในรอบ 6 ปี

สำหรับภาคการท่องเที่ยวซึ่งเป็นส่วนที่มีความสำคัญกับประเทศก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเยือนประเทศไทยถึง 38 ล้านคน ในปี 2561 เพิ่มขึ้น 2.9 ล้านคนจากปีก่อนหน้า และปีนี้คาดว่าเราจะได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวถึง 40 ล้านคน นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีนโยบายพัฒนาด้านเทคโนโลยี พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในประเทศให้เอื้อต่อการต่อยอดอุตสาหกรรมเดิม และรองรับอุตสาหกรรมใหม่ เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายการเป็นระเบียงเศรษฐกิจแห่งเอเชีย

ขณะที่เสถียรภาพทางเศรษฐกิจต่างประเทศ ยังแข็งแกร่งมีการเกินดุลบัญชีสะพัดต่อเนื่อง ทุนสำรองระหว่างประเทศสูงเป็นอันดับที่ 12 ของโลก

นอกจากนี้ประเทศไทย ยังมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่อีกจำนวนมาก มี 12 อุตสาหกรรม ที่ประเทศไทยส่งเสริมให้ลงทุนผ่านโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี มีนวัตกรรมใช้เทคโนโลยีที่มีความทันสมัยมากขึ้น และมีการพัฒนาทักษะแรงงานให้สูง

“ไทยต้องเร่งสร้างอีอีซี ให้เป็นจุดเชื่อมโยงเศรษฐกิจภูมิภาคของการผลิตและบริการของภูมิภาค ให้เป็นระเบียงเศรษฐกิจแห่งเอเชีย ซึ่งมีโครงสร้างพื้นฐานทั้งในประเทศและเชื่อมโยงระหว่างประเทศที่ประเทศไทยและประเทศในอาเซียนต้องร่วมกันลงทุนอีกมาก ซึ่งต้องฝากให้ภาคเอกชนร่วมมือในส่วนนี้ด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยและอาเซียนมีศักยภาพสูงที่จะรับมือและเป็นสนามการค้าการลงทุนที่มีเสถียรภาพ ตอบโจทย์นักลงทุนทั่วโลก และขอให้ภาคเอกชนมั่นใจและใช้ประโยชน์จากความพร้อมของไทยและอาเซียน ทั้งทางเศรษฐกิจและเสถียรภาพทางการเมืองที่นำไปสู่ความต่อเนื่องทางนโยบาย

อย่างไรก็ตาม ไทยนำเสนอแนวคิดหลักของการเป็นประธานอาเซียนในปีนี้ คือ “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน” และมีเป้าหมายที่จะบรรลุความสำเร็จในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ 3 ด้าน ที่ไทยต้องการผลักดันให้เป็นรูปธรรมภายในปี 2562 ได้แก่

1. การมุ่งสู่อนาคต คือ ความพร้อมในการเข้าสู่ยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4
2. การส่งเสริมความเชื่อมโยงทางการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และระบบอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียน
3. การสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจรากหญ้าให้ประชาชนอยู่ดีกินดี.

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

“อาเซียน” เตรียมออก “ไกด์ไลน์แนะนำแหล่งเที่ยวแหล่งกินอาเซียน”