“เมฆ วินัย” เปิดใจหลังป่วยเป็นโรคเพมพิกอยด์(โรคตุ้มน้ำพอง) ภูมิคุ้มกันผิดปกติ ตุ่มขึ้นทั่วตัวเป็น 1 ใน 4 แสนคน มี 10 คนในเมืองไทย รับจิตตก และ ทรมานมากกว่า 2 เดือนครึ่ง รักษามา 15 โรงพยาบาลไม่หาย ล่าสุดดีขึ้นแล้ว

วันนี้ (16 มิ.ย.62) ความคืบหน้าจากกรณีผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวินัย ไกรบุตร ดารานักแสดงชื่อดัง ได้ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยอธิบายเกี่ยวกับอาการป่วยที่เกิดขึ้นกับตัวเอง โดยเปิดเผยว่า ตนเป็นโรคภูมิแพ้ตัวเอง โดยภูมิคุ้มกันของตัวเองผิดปกติที่ผิวหนัง ซึ่ง 1 ใน 4 แสนคน ซึ่งคนไทยเป็นโรคนี้ไม่ถึง 10 คน โดยอาจจะเกิดจากการทำงานดึก และออกกำลังกายเยอะไป
รวมถึงผสมกับการที่ตนถูกน้ำร้อนลวก จึงทำให้ผิวหนังเหมือนขาดเมตาบอลิซึม แล้วเมื่อได้รับเชื้อตุ่มน้ำเข้ามาจึงทำให้อาการหนัก เพราะภูมิที่สร้างถูกกระตุ้นให้สร้างมาฆ่าเชื้อมากเกินไป จนทำให้ภูมิกินผิวหนังของตน แพ้ภูมิตัวเองคล้ายโรคของพุ่มพวง แต่ตนไม่ได้หนักถึงขั้นนั้น
เมฆ เล่าให้ฟังอีกว่า อาการของตนเริ่มเป็นมาตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. ตนไปหาหมอผิวหนังประมาณ 10 คน ทั้งตรวจเลือด ตรวจเชื้อ ให้ยาแก้แพ้ ทุกครั้งเมื่อฉีดยาแก้แพ้ ฉีดสเตียรอยด์ ตนก็ดีใจว่าหายแล้ว แต่อีกไม่กี่วันก็กลับมาเป็นอีก หนักขึ้น ๆ มีตุ่มขึ้นที่หน้าท้อง ที่ขา ที่แขน ตามมาด้วยอาการคัน ยาที่เคยฉีดเอาไม่อยู่ ตนเลยหยุด เพราะถ้าฉีดสเตียรอยด์ต่อนาน ๆ ร่างกายพัง ตนเลยลองไปรักษาแพทย์แผนไทย กินยาเขียว กินน้ำใบย่านาง ทำดีท็อกซ์ล้างลำไส้ ทำได้ 7-8 วัน ตุ่มก็ยิ่งเห่อ

ทั้งนี้ เมฆบอกว่า ได้ไปค้นข้อมูลในอินเทอร์เน็ตแล้วเจอกับ ศ.นพ. ประวิตร อัศวานนท์ ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จึงได้เข้าไปพบกับอาจารย์หมอในวันที่ 4 มิ.ย. และนำชิ้นเนื้อไปตรวจ สรุปแล้วชิ้นเนื้อมีเชื้อเพมพิกอยด์หรือตุ่มน้ำพอง ซึ่งคนไทยเป็นเพียงไม่กี่คน หายากมาก มีเพียง 1 ใน 4 แสนคน และหมอมียาแค่ 2 โดสเท่านั้น โดสละ 5 หมื่นบาท พอได้นอนโรงพยาบาลสัก 10 วัน ให้น้ำเกลือใส่ยาโดสแรกก็รู้สึกดีขึ้น ตุ่มในช่องปากที่เคยมี จากที่กลืนน้ำลายไม่ได้กินข้าวไม่ได้เพราะตุ่มจะแตกเลือดจะไหล ก็กินข้าวกลืนน้ำลายก็ทำได้ ในวันจันทร์ที่ 17 มิ.ย. ตนจะเข้าไปพบแพทย์เพื่อรับยาโดสที่ 2 และต้องถามแพทย์ว่าถ้าไม่หาย แล้วโดสที่ 3 อยู่ไหน เพราะแพทย์ไม่ได้บอกว่าจะหายเมื่อไร ขึ้นอยู่กับยาว่าจะเข้ากับเราได้มากน้อยแค่ไหน
ขณะนี้ตนประสบปัญหาในชีวิตอย่างมาก กินข้าวไม่ได้ ไปไหนไม่ได้เพราะกลัวแผลจะติดเชื้ออะไรเพิ่ม ไปข้างนอกต้องใส่เสื้อผ้า เสื้อเสียดสีกับผิว ตุ่มน้ำก็อักเสบจนแตกเลือดไหล น้ำเหลืองไหล นอนก็ลำบากเพราะคัน นอนทับตุ่มตุ่มก็แตก ทุกวันนี้ต้องเอาเจลเอาสเปรย์ใบย่านางมาทามาฉีดให้เย็น ตนเกรงใจทีมงานละครทุกคนที่ตนทำงานไม่ได้ ยิ่งบทที่รับต้องถอดเสื้อโชว์หุ่นอยู่ตลอด
“ส่วนที่ตนต้องไปวิ่งกับโครงการก้าวฯ ในวันนี้ที่ตนไปวิ่งด้วยไม่ได้ เพราะมีแผลเต็มตัว ถ้าออกแรงเสียดสีแผลจะแตกมีเลือดกับน้ำเหลือง และตนกลัวว่าถ้าไปวิ่งจะทำให้แผลติดเชื้อเพิ่ม แล้วจะหนักกว่านี้ ทุกวันนี้อยู่แต่บ้าน อาบน้ำอุ่นแล้วล้างด้วยน้ำเกลือ ให้น้ำเกลือฆ่าเชื้อ ทายา กินยาเป็นสิบ ๆ เม็ด ตุ่มที่หลังตนก็ต้องซื้อเข็มมาเจาะ” ดาราดัง กล่าว

ล่าสุด นักแสดงหนุ่ม เมฆ วินัย ไกรบุตร เผย หลังป่วยด้วยโรคตุ่มน้ำพองที่ขึ้นทั่วร่างกาย เจ้าตัวใช้คำว่าทรมานมากเพราะเป็นมากกว่า 3 เดือน สุดท้ายต้องเข้ารักษาอาการที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จนกระทั่งเมื่อวานนี้ (15 มิ.ย.) มีอาการเริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว แต่ยังต้องระวังในเรื่องของแผลที่เกิดจากการผุพองของผิวหนัง
ทั้งนี้ระหว่างที่ เมฆ วินัย ป่วยนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลนั้น ได้เพื่อนรักอย่าง หนุ่ม คงกระพัน เดินทางมาเยี่ยมและให้กำลังเกือบทุกวัน และเปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ว่า
“วันนี้กลับบ้านแล้วครับแฟนคลับไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ วินัย ไกรบุตร ดีขึ้นมากๆ แล้ว ไปรักษาตัวต่อที่บ้าน”
“พี่เมฆไม่สบายเป็นโรคตุ่มน้ำพองซึ่งเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายไม่สมดุลย์พักผ่อนน้อยทำงานหนักจึงทำให้เกิดโรคนี้ได้ครับเป็นโรคที่เกิดหนึ่งใน 400,000 คน กำลังใจดีมาก อีกไม่นานก็กลับมาลุยงานลุยวิ่งได้ต่อครับ ขอบคุณทีมแพทย์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์มากครับ”
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ “เมฆ วินัย” ได้ไลฟ์เฟซบุ๊คเล่าถึงอาการโรคตุ่มน้ำพองที่เกิดขึ้น โดยบอกว่านอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ประมาณ 11 วัน อาการที่เกิดขึ้นคือเป็นแผลผุพองทั้งตัวและในช่องปาก กลางคืนไม่สามารถนอนได้ เพราะคันและแสบมาก พร้อมกับบอกให้ทุกคนรักษาสุขภาพดีๆ เป็นโรคที่คนป่วยน้อยและคนไทยไม่ได้เป็นเยอะ และวันนี้อาการเริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือรักษาแผลเป็นที่ผิวหนัง
ส่งกำลังใจให้ พี่เมฆ หายจากอาการป่วยสุขภาพแข็งแรงขึ้นตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม “เมฆ วินัย” กล่าวฝากเตือนว่า “จากคนที่ไม่เคยเป็นอะไรเลย “วินัย ไกรบุตร” ที่เคยเป็น ที่หุ่นดี ที่ผิวสวย ตอนนี้เน่าทั้งตัว อยากจะบอกสังคม บอกแฟนคลับ บอกประชาชน อยากให้ดูแลตัวเองให้มาก ๆ ต้องระวัง ยิ่งอายุเยอะต้องระวัง มีโรคหลายโรคที่เกิดขึ้นมาแล้วเราไม่รู้ว่าคืออะไร”
ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
