ชาวบ้านค้านผังเมืองใหม่ หวั่นเอื้ออาคารสูง สร้างปัญหาสิ่งแวดล้อม

ชาวบ้านค้านผังเมืองใหม่ หวั่นเอื้ออาคารสูง สร้างปัญหาสิ่งแวดล้อม

กทม. จัดรับฟังความเห็นร่างผังเมืองใหม่ ที่คาดว่าจะบังคับใช้ปลายปี63 ประชาชนจากชุมชนต่างๆ มาร่วมฟังและคัดค้านแผนผังเมืองใหม่ที่เอื้อสร้างอาคารสูง เพิ่มปัญหากระทบชีวิตชาวบ้าน

เมื่อวันที่ 24 พ.ค.62 ที่อาคารกีฬาเวสน์2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) นายทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานเปิดการประชุมรับฟังข้อคิดเห็นของประชาชนต่อร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร(ปรับปรุงครั้งที่4) จัดโดยสำนักการวางผังและพัฒนาเมือง โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 1,000 คน

สำหรับร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร(ปรับปรุงครั้งที่4) นี้ กรุงเทพมหานครได้คาดการณ์เห็นการเปลี่ยนแปลงจากการวางผังเมืองใหม่ในครั้งนี้ในอีก 20 ปีข้างหน้า โดยเป็นการปรับปรุงตัวผังเมืองต่างๆ รวมทั้งสิ้น 1,568 ตร.กม. และต้องการให้ตัวผังเมืองของกรุงเทพมหานคร มีความต่อเนื่องจึงอยากให้เกิดการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง สำหรับตัวผังเมืองที่ปรับปรุงใหม่จะได้ประโยชน์ในด้านที่ดิน และการคมนาคม มากที่สุด ซึ่งกรุงเทพมหานครจะควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินในส่วนของการกำหนดความหนาแน่นของประชากรต่อพื้นที่

ส่วนการคมนาคมนั้นกรุงเทพมหานครคาดหวังในการดำเนินการโดยอยากให้เป็นไปตามแผนที่ได้วางเอาไว้ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่ 5 คือการประชุมรับฟังความเห็นจากประชาชน แต่ยังมีขั้นตอนอีกเยอะ กว่าจะดำเนินการเสร็จสิ้น แต่พยายามจะทำงานให้กระชับสอดรับกับตัวผังเมืองที่จะประกาศใช้

“ภายใน 20 ปีข้างหน้า กรุงเทพมหานครคาดหวังการเปลี่ยนแปลงการคมนาคมคือต้องการจะพัฒนาระบบรางให้เป็นระบบขนส่งหลักของเมือง ตั้งเป้าเพิ่มการขนส่งทางรางรวมเป็นระยะทางให้ได้ 500 กม.”

สำหรับประเด็นการเปลี่ยนแปลงที่กรุงเทพมหานครมุ่งเน้น คือนโยบายต่างๆที่จะเข้ามากระทบกับกรุงเทพมหานคร รวมไปถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของประชากรการจ้างงานที่จะตามมาอีกด้วย ดังนั้นกรุงเทพมหานครจึงต้องเตรียมรับมือกับปัญหาต่างๆที่จะเข้ามา ซึ่งขณะนี้ก็ได้เริ่มรับมือไปบ้างแล้ว

ปัจจุบันการพัฒนาโครงการใหญ่ๆเกิดขึ้นเยอะมากมาย ซึ่งมีหลายโครงการที่ได้เริ่มพัฒนาไปบ้างแล้วอย่างเช่น อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ และศูนย์คมนาคมมักกะสัน เป็นต้น เหล่านี้ล้วนมีผลกระทบต่อผังเมืองทั้งสิ้น รวมไปถึงในอนาคตต้องมีโครงการใหญ่ๆ เพิ่มขึ้น จุดนี้เป็นจุดที่ดึงเข้ามาเพื่อใช้วิเคราะห์ในการพัฒนาด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้การเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยก็เป็นอีกปัจจัยที่นำมาวิเคราะห์ในการพัฒนาผังเมืองเพื่อให้ผู้สูงวัยสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ขณะเดียวกันจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นมาทุกปี ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญด้วยที่จะนำมาเป็นปัจจัยวิเคราะห์เตรียมรับมือพัฒนาผังเมือง

ส่วนในเรื่องของการเฝ้าระวังในเมืองเช่นการก่ออาชญากรรมเหล่านี้ก็ต้องนำมาเป็นประเด็นขบคิดด้วยเช่นกันว่าจะรับมือและจะเฝ้าระวังอย่างไร นอกจากนี้เรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศในกรุงเทพมหานคร ก็มีการเปลี่ยนแปลงที่ยากจะคาดเดา และการเปลี่ยนแปลงเริ่มมีผลกระทบมากขึ้น ทำให้เกิดความเสียหายในการดำเนินชีวิต และช่วงหลังเริ่มกระทบกับทางธุรกิจด้วย เช่นฝุ่น PM 2.5 ที่สร้างผลกระทบให้กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องนำมาคิดทบทวนในการพัฒนาผังเมืองด้วยกันทั้งนั้น

สำหรับสภาพการเปลี่ยนแปลงของกรุงเทพมหานครเป็นไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงต้องรีบเปลี่ยนแปลงผังเมืองเพื่อสอดรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว แต่ต้องดูวัตถุประสงค์ของกฎหมายในการเปลี่ยนแปลงด้วย ซึ่งวัตถุประสงค์ของผังเมืองรวม มีสาระสำคัญคือส่งเสริมคุณภาพชีวิตประชาชน, ส่งเสริมการเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจและการท่องเที่ยวเพื่อเป็นทางผ่านทางเข้าออกสู่ภูมิภาคอาเซียน

ส่งเสริมความสะดวกรวดเร็วและความปลอดภัยในการเดินทางและการขนส่ง, ส่งเสริมความสมดุลของที่อยู่อาศัยและแหล่งงาน, ส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยสนับสนุนแรงงานที่มีฝีมือดี ดำรงรักษาพื้นที่เกษตรกรรมที่มีความอุดมสมบูรณ์ โดยการบริหารจัดการเมืองแบบกระชับ

ส่งเสริมความเป็นอัตลักษณ์และเอกลักษณ์ทางด้านศิลปวัฒนธรรมของชุมชนทั้งของกรุงเทพมหานครและของชาติ, ส่งเสริมและรักษาระบบนิเวศน์และภูมิทัศน์การตั้งถิ่นฐานโดยการอนุรักษ์ทรัพยากร, ส่งเสริมความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินรวมถึงการก่อวินาศกรรม โดยจะต้องติดตั้งกล้องซีซีทีวีมากขึ้น และส่งเสริมการแก้ไขปัญหาโลกร้อนด้วยการลดการใช้พลังงานและเพิ่มพื้นที่สีเขียว

“หลังจากที่ได้ตั้งวัตถุประสงค์ในการพัฒนาผังเมืองมาแล้ว ทำให้สามารถกำหนดผังภาคกรุงเทพมหานครและปริมณฑลในปี 2580 ได้อย่างมีสาระสำคัญคือการทำเมืองให้กระชับ”

ส่วนแนวคิดในการใช้พื้นที่กรุงเทพมหานครนั้น แบ่งแนวคิดการใช้พื้นที่ได้ดังนี้คือ เขตกรุงเทพมหานครชั้นในเป็นพื้นที่อนุรักษ์ประวัติศาสตร์กรุงรัตนโกสินทร์และกรุงธนบุรี, พัฒนาย่านพาณิชยกรรมศูนย์กลางเมืองย่านพาณิชยกรรมศูนย์กลางรอบคมนาคมและย่านชุมชนเมือง

พัฒนาย่านที่อยู่อาศัยหนาแน่นให้สามารถใช้บริการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน และรักษาพื้นที่เกษตรกรรมชานเมือง นอกจากนี้จะมีการเพิ่มระบบระบายน้ำด้วยคูคลองให้มากขึ้น เพื่อให้สอดรับกับการลงทุนของภาครัฐที่จะเน้นการขนส่งทางรางมากขึ้น และลดการสูญเสียของประชาชนในด้านอุทกภัยด้วย

ขณะที่การใช้ประโยชน์ที่ดิน กรุงเทพมหานครต้องการลดผลกระทบต่างๆในสังคม เช่นถ้าปล่อยให้อุตสาหกรรมมลพิษไปอยู่ติดกับที่อาศัยของชุมชนก็จะส่งผลเสีย ดังนั้นจึงต้องควบคุมโดยจะตั้งเงื่อนไขในการปัญหาอย่างถูกจุด นอกจากนี้ยังเป็นการควบคุมความหนาแน่นของประชากรต่อพื้นที่ด้วย

ด้านผังคมนาคมขนส่งของกรุงเทพมหานครมีการพัฒนาระบบรางมากขึ้นแน่นอนในอนาคต ดังนั้นมีความจำเป็นที่ต้องพัฒนาการขนส่งทางรองเสริมกันไปด้วย เพื่อให้สามารถเดินรถ 2 แถว หรือ วินมอเตอร์ไซค์ เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางเข้าออกไปยังสถานีรถไฟฟ้าได้ง่ายมากขึ้น ส่วนพื้นที่โล่งก็มีความจำเป็นต้องเพิ่มสวนสาธารณะเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม และระบายน้ำกันน้ำท่วม

ส่วนมาตรการผังเมืองเพื่อส่งเสริมความเป็นธรรม กรุงเทพมหานครมีมาตรการเพิ่มอัตราส่วนพื้นที่อาคารต่อพื้นที่ดินเดิม มีการจัดให้มีที่อยู่อาศัยที่มีราคาต่ำกว่าท้องตลาด หรือที่อยู่อาศัยสำหรับผู้อยู่อาศัยเดิมในพื้นที่โครงการ ทำให้ผู้มีรายได้ปานกลางมีที่อยู่อาศัยใกล้กับแหล่งงาน

จัดให้มีพื้นที่เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือสวนสาธารณะ จะจัดให้มีในพื้นที่ กรุงเทพมหานครชั้นใน, จัดให้มีจุดจอดรถยนต์บริเวณใกล้สถานีรถไฟฟ้าโดยเน้นเฉพาะชานเมืองเพื่อลดการหนาแน่นของการจราจรชั้นใน, จัดให้มีพื้นที่รองรับน้ำเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม และมีการก่อสร้างอาคารประหยัดพลังงาน

การจัดให้มีพื้นที่เพื่อเปลี่ยนถ่ายการสัญจรบริเวณสถานีรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน, จัดให้มีพื้นที่ว่างเพื่อประโยชน์สาธารณะสวนสาธารณะริมน้ำ ลำคลอง, จัดให้มีพื้นที่สำหรับรับเลี้ยงเด็กและคนชราในเวลากลางวัน เพื่อเป็นการปรับรับต่อสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป

หลังจากการประชุมในครั้งนี้ทั้งหมดจะนำความคิดเห็นไปปรับแก้ไขร่างผังเมืองรวมจากนั้นจึงเสนอต่อคณะที่ปรึกษาผังเมืองรวม กทม.คณะกรรมการผังเมือง เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการติดประกาศ 90 วัน ซึ่งจะเป็นขั้นตอนที่ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นได้ต่อจากนั้นก็จะเข้าสู่ขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับการประกาศราชกิจจานุเบกษาบังคับใช้กฎกระทรวง ให้ใช้บังคับผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครฉบับใหม่ต่อไป ซึ่งคาดว่าใช้บังคับแทนฉบับปัจจุบันประมาณปลายปี 2563

ในการประชุมครั้งนี้นางนฤมล เมฆบริสุทธิ์ หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค(มพบ.) พร้อมด้วยตัวแทนจากชุมชนต่างๆได้เข้าร่วมประชุมฯครั้งนี้ และได้ยื่นหนังสือคัดค้านผังเมืองฉบับใหม่ต่อรองผู้ว่าฯกทม. เนื่องจากชุมชนจำนวน13ชุมชนได้รับผลกระทบจากผังเมืองที่ไม่เป็นธรรม เนื่องจากมองว่าผังเมืองฉบับดังกล่าวไม่สามารถแก้ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น ทั้งปัญหารถติดในซอย ปัญหาน้ำท่วม ฝุ่นควัน ปัญหาสิ่งแวดล้อมและอื่นๆ โดยเฉพาะการได้รับความเสียหายจากการก่อสร้างอาคารสูงในพื้นที่เนื่องจากการมีการก่อสร้างอาคารที่อยู่อาศัย จะเพิ่มพื้นที่ให้มากกว่า 10,000 ตร.ม.นั้นกระทบกับประชาชนทำให้การจราจรติดขัดทั้งที่ติดขัดอยู่แล้ว อีกทั้งจำนวนที่จอดรถในอาคารที่จะกำหนดให้น้อยลงกว่าเดิมจะทำให้มีปัญหาจอดรถในถนนกระทบบุคคลอื่น เป็นการเพิ่มปัญหาในพื้นที่ทั้งที่ปัญหาเดิมนั่นค่อนข้างหนักอยู่แล้ว จึงอยากให้มีการทบทวน

ด้านนายภูมิศักดิ์ เกษมสมบูรณ์ ตัวแทนชมรมอนุรักษ์พญาไท กล่าวว่า ก่อนจะมีการจัดทำและรับฟังร่างผังเมือง กทม.ไม่เคยรับฟังความคิดเห็นของคนในชุมชนเลยชาวชุมชนทราบเรื่องจากมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค(มพบ.)เท่านั้น ทั้งที่จะมีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่จากที่ดินที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก(สีน้ำตาล) มาเป็นที่ดินประเภทพาณิชยกรรม(สีแดง)ทั้งที่ขีดจำกัดพื้นที่ทำไม่ได้แล้ว เพราะมีปัญหาการจราจร ปัญหาน้ำท่วมขัง ไม่ใช่น้ำรอระบาย หากมีอาคารและผู้ที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นจะเกิดผัญหาความแออัด ทั้งนี้การที่ กทม.ชี้แจงว่า อาคารที่จะสร้างขึ้นมานั้นเพื่อรองรับประชาชนทั่วไปอยู่อาศัย แต่พบว่าราคาซื้อขายนั้นไม่อยู่ในระดับที่ประชาชนทั่วไปสามารถซื้อได้ แต่เป็นการเปิดพื้นที่รองรับนักธุรกิจมากกว่า ซึ่งไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาหรือสนับสนุนให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัย ซึ่งการพัฒนาที่อยู่อาศัยควรจะขยายในจุดที่เหมาะสมหรือออกไปนอกเมืองที่มีรถไฟฟ้ารองรับหรือมีรถไฟฟ้าในอนาคต

จึงมีความกังวลว่าการผ่านร่างกฎหมายผังเมืองครั้งนี้จะเป็นการเปิดให้มีการสร้างอาคารสูงและเปลี่ยนแปลงพื้นที่ได้อย่างเต็มที่ และกระทบกับชุมชนที่อยู่ในปัจจุบัน.

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

โปรดเกล้าฯพระราชทานยศ’พล.ต.และพระราชทานเข็มราชวัลลภ พ.อ.(พิเศษ)หญิง สินีนาฏ’