“สมคิด”จับมือทั้งภาครัฐและเอกชนผลักดัน “ไซเบอร์พอร์ตไทยแลนด์” เพื่อเป็นศูนย์กลางสร้างสตาร์ทอัพหนุน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย เบื้องต้นเตรียมเงิน 500 ล้าน คัดเลือกสตาร์ทอัพ 30-40 รายเข้าโครงการ
วันนี้ (16 พ.ค.62 )นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ประชุมขับเคลื่อนการส่งเสริมและพัฒนานวัตกรรม ผู้ประกอบการและวิสาหกิจเริ่มต้น (Inno Space National Startup Platform ) หรือ ไซเบอร์พอร์ตไทยแลนด์ ร่วมกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อตั้งเป็นองค์กรระดับชาติขึ้นมาทำหน้าที่ ในการสร้างธุรกิจรุ่นใหม่ เป็นศูนย์กลางการสร้างผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ ให้กับประเทศ ใน 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย หลังจากภาคเอกชนได้พัฒนาผู้ประกอบการสตาร์ทอัพคืบหน้าไปมากแล้ว เช่น ธ.ไทยพาณิชย์ กสิกรไทย ธ.กรุงเทพฯ ปตท. เอสซีจี ทรู เพื่อให้ ไซเบอร์พอร์ตไทยแลนด์ เป็นศูนย์รวมในการพัฒนาผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ โดยเฉพาะในภาคเกษตร ไบโอเทค ผ่านแรงจูงใจด้านภาษี และมาตรการต่างที่ได้เตรียมเอาไว้รองรับ เพื่อสร้างธุรกิจรุ่นใหม่ให้กับประเทศ
รัฐบาลหวังผลักดันให้เกิดการตื่นตัวในการส่งเสริมผู้ประกอบการสตาร์ทอัพอย่างจริงจัง โดย ไซเบอร์พอร์ตไทยแลนด์ แห่งนี้ ต้องมีหน้าที่หลัก คือ 1. ผลักดันมหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย เข้ามาตั้งอยู่ จากเดิมไม่มีเงินทุนรองรับ ขาดทุนในการทำวิจัย หรือทำวิจัยแล้วไม่รู้ว่าจะขายสินค้าได้อย่างไร จึงต้องนำมหาวิทยาลัยที่มีผลงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ นวัตกรรม เข้ามาอยู่ใน ไซเบอร์พอร์ตไทยแลนด์ แห่งนี้ 2. เสาหลักด้านความรู้ทางการเงิน สถาบันการเงินที่มีความเชี่ยวชาญด้านไซเบอร์พอร์ต จะดึงเข้ามาอยู่ด้วยกัน 3. เสาหลักด้านตลาดทุน เพื่อร่วมลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพ แต่ยังมีความเสี่ยง เพื่อสร้างโอกาสเกิดขึ้นของผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ 4. เสาหลักภาคเอกชน เพื่อร่วมทุนให้กับบริษัทเกิดใหม่ หรือมาเป็นโค้ชในการสร้างสตาร์ทอัพให้เกิดขึ้น อนาคตจะได้ขยายเครือข่ายลงทุนร่วมกันเพิ่มเติม
นายสมคิดกล่าวว่า “เมื่อได้เชื่อมโยงทุกเสาหลัก และตลาดหลักทรัพย์ฯ เข้าด้วยกัน จากนั้นจะเกิดการวิจัยอีกจำนวนมาก จะกลายเป็นธุรกิจใหม่ มีพี่เลี้ยงภาคเอกชนขนาดใหญ่ คอยดูแล หรือมีทุนสนับสนุน เพื่อกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ขณะนี้ไซเบอร์พอร์ตฮ่องกง พร้อมเข้ามาช่วยเหลือก่อตั้ง องค์กร อยู่ในเขตอีอีซี ภาคตะวันออก และได้มอบหมายให้นายเทวินท์ ช่วยเป็นหัวขบวนในการตั้งองค์กร และตั้งคณะกรรมการ โดยมีตัวแทนทั้งจากภาครัฐและเอกชน เข้ามาร่วมสร้างไซเบอร์พอร์ต นักวิจัยจะมีทางออกในการนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์”
สำหรับการตั้ง ไซเบอร์พอร์ตไทยแลนด์ เบื้องต้นใช้งบประมาณ 500 ล้านบาท คาดว่าในช่วงต้นเดือนมิถุนายน จะเริ่มจับมือกับภาคเอกชน และหน่วยงานต่าง คัดเลือกผู้ประกอบการสตาร์ทอัพเข้ามาอยู่ประมาณ 30-40 ราย จากนั้นจะเชื่อมโยงกับสตาร์ทอัพและบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างประเทศ เพื่อสร้างโอกาสให้กับสตาร์ทอัพเมืองไทย
ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
“สมคิด”พร้อมคณะอีอีซี เซ็นเอ็มโอยูกับ “เหอหนาน”