คลังเตรียมเงินกว่า 7.7 หมื่นล้านบาทให้รัฐบาลใหม่เข้ามาอัดฉีดเศรษฐกิจในรอบครึ่งปีหลัง หวังเศรษฐกิจโต 3.9%
นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า มาตรการพยุงเศรษฐกิจในช่วงกลางปี 2562ใส่เงินให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการ 1.32 หมื่นล้านบาท และมาตรการลดหย่อนภาษี 6 มาตรการอาทิ ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับท่องเที่ยวเมืองรองและเมืองหลัก เป็นต้น ทำให้สูญรายได้ 8 พันล้านบาทนั้นจะช่วยทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น 0.1% หรือมาอยู่ที่ 3.9% จากเดิมที่กระทรวงการคลังคาดว่าจะโต 3.8% ถือเป็นระดับที่กระทรวงการคลังพอใจแล้ว โดยหลังจากนี้คงต้องติดตามรอดูผลของมาตรการ รอดูภาวะเศรษฐกิจไตรมาส 2 และรอนโยบายจากรัฐบาลชุดใหม่ว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร
“ต่อจากนี้คงต้องรอดูว่าการส่งออกของไทยจะสูงกว่าที่กระทรวงการคลังคาดไว้จะโต 3.4% หรือไม่ โดยคงต้องติดตามสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐว่าจะมีความรุนแรงขึ้นหรือไม่ ถ้ารุนแรงขึ้นจะกระทบต่อการส่งออกแน่นอน คงต้องติดตามว่าการส่งออกของไทยจะโต 3.4% ตามที่กระทรวงการคลังประเมินไว้หรือไม่ นอกจากนี้ต้องรอดูราคาพืชผลทางการเกษตร ขณะนี้สินค้าหลายตัว เช่น ปาล์มน้ำมันมีราคาลดลง รวมถึงต้องรอดูการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ถ้ามีรัฐบาลมีเสถียรภาพจะช่วยทำให้เกิดความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน อย่างไรก็ตามหากเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มต่ำกว่า 3.8% คิดว่ารัฐบาลใหม่จำเป็นต้องมีมาตรการออกมาดูแลอีกชุดแน่นอน”นายประสงค์กล่าว
นอกจากนี้ก็ต้องรอดูราคาพืชผลทางการเกษตร ที่มีแนวโน้มจะลดลงด้วย อาทิ ปาล์มน้ำมัน เป็นต้น รวมถึงต้องรอดูการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งหากรัฐบาลมีเสถียรภาพจะช่วยทำให้เกิดความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หากเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มต่ำกว่า 3.8% คิดว่ารัฐบาลใหม่ต้องมีมาตรการออกมาดูแลอีกระลอกแน่
ส่วนการบริโภคภาคในประเทศ เริ่มเห็นสัญญาณที่ดี หลังรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เชื่อว่า แนวทางดังกล่าวจะทำให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ร้อยละ 3.8
นายประสงค์ กล่าวต่อว่า แม้เศรษฐกิจในปีนี้อาจต่ำกว่าฐานการประเมินรายได้ที่กระทรวงการคลังกำหนดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตอยู่ที่ 4% แต่มั่นใจว่าจะไม่กระทบต่อการจัดเก็บรายได้ทั้งปีงบประมาณ 2562 แน่นอน เนื่องจากช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ (เดือน ต.ค.2561-มี.ค.2562) กระทรวงการคลังสามารถจัดเก็บรายได้ถึง 1.16 ล้านล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 81,600 ล้านบาท หรือ 7.6% และสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ 5,559 ล้านบาท หรือ 0.5%