ในช่วงที่ฤดูการปีนเขากำลังเริ่มขึ้น ทำให้กระทรวงการท่องเที่ยวของเนปาล เริ่มรณรงค์เก็บขยะตามเส้นทางสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์ ซึ่งขยะที่พบบนยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก ที่นักปีนเขารุ่นก่อน ๆ ทิ้งเอาไว้ ไม่ใช่เพียงขยะจากการบริโภคเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสิ่งปฏิกูลจากร่างกายมนุษย์และร่างผู้เสียชีวิตแช่แข็งจำนวนมากที่ไม่ย่อยสลายจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น ซึ่งในระหว่างโครงการนี้อาสาสมัครพบร่างผู้เสียชีวิตแล้ว 4 รายที่ระดับความสูง 8,848 เมตร
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่า ฝ่ายการท่องเที่ยวเนปาลมีการเปิดรับอาสาสมัครในโครงการเก็บขยะบนเทือกเขาเอเวอเรสต์ในชื่อว่า โครงการ “Everest Cleaning” เพื่อทำความสะอาดเทือกเขาดังกล่าวที่ถูกปกคลุมด้วยขยะปริมาณมหาศาลจากกลุ่มนักท่องเที่ยวปีนเขาที่มีจำนวนมากขึ้นทุกปี
โครงการดังกล่าวเปิดรับอาสาสมัคร 14 คนในการเก็บขยะ 10 เมตริกตันหรือ 1,000 กิโลกรัมให้เสร็จภายใน 45 วัน โดยมีการตั้ง “Everest Base Camp” หรือค่ายสำหรับเป็นที่พักของอาสาสมัครและเป็นที่รวบรวมขยะในระดับความสูงต่าง ๆ ก่อนที่จะขนย้ายลงไปจากเทือกเขา ทั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากกองทัพเนปาลซึ่งส่งเฮลิคอปเตอร์มาช่วยในการขนย้ายขยะอีกด้วย
ตามรายงานของ “เอเอฟพี” ระบุว่า ในช่วง 2 สัปดาห์แรกของโครงการทำความสะอาดมีการเก็บขยะถึง 3 ตันหรือราว 6,613 ปอนด์ โดยขยะส่วนมากคือ กระป๋อง ขวดพลาสติก และอุปกรณ์ปีนเขา
แต่ทีมอาสาสมัครยังพบว่า ขยะจำนวนมากบนเทือกเขาไม่ใช่เพียงขยะจากการบริโภคเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสิ่งปฏิกูลจากร่างกายมนุษย์และร่างผู้เสียชีวิตแช่แข็งจำนวนมากที่ไม่ย่อยสลายจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น ซึ่งในระหว่างโครงการนี้อาสาสมัครพบร่างผู้เสียชีวิตแล้ว 4 รายที่ระดับความสูง 8,848 เมตร
ทั้งนี้ ปกติแล้ว คนในชนเผ่าเชอร์ปา (ชนเผ่าในประเทศเนปาล) จะทำหน้าที่เก็บขยะบนยอดเขา โดยจะได้รับค่าจ้าง 2 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อขยะ 1 กิโลกรัม ซึ่งบางครั้งพวกเขาก็เก็บกู้ศพลงมาด้วย ซึ่งค่าใช้จ่ายก็ต้องไปตกลงกันเอง แต่ตามข้อมูลบอกว่าเรทอยู่ที่ 1-2 ล้านบาท ต่อร่าง
ที่ผ่านมารัฐบาลและชุมชนท้องถิ่นต้องพยายามรับมือกับปัญหาขยะที่มาพร้อมกับนักท่องเที่ยวที่มาปีนเขาจากทั่วโลก นับตั้งแต่ปี 2011 มีความพยายามกำจัดขยะและการใช้ความความรู้เกี่ยวกับระบบการจัดการขยะ แต่การเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วของนักท่องเที่ยวในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสภาพแวดล้อมของเทือกเขา
ทุกวันนี้ตามค่ายที่พักแรมตลอดเส้นทางปีนเขา จะมีถุงผ้าเตรียมไว้ให้ใส่ขยะ ซึ่งตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา รัฐบาลเนปาลเริ่มออกมาตรการรับฝากเงินจากนักท่องเที่ยวที่จะปีนเขา มีกฎว่าผู้ที่ปีนเขาเอเวอร์เรสต์ จะต้องเก็บขยะลงมาด้วย และหากเก็บลงมาได้ไม่มากพอ ก็จะต้องจ่ายค่าปรับ ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้รับเงินดังกล่าวคืนหากกลับมาพร้อมขยะ 8 กิโลกรัม อีกทั้งในเดือน ก.พ. ที่ผ่านมารัฐบาลจีนสั่งห้ามการปีนเทือกเขาเอเวอเรสต์จากฝั่งดินแดนของจีน เพื่อลดปัญหาปริมาณขยะเช่นกัน
บริเวณที่พบขยะมากที่สุด คือค่ายพักแรมจุดที่ 2 ซึ่งอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 6,400 เมตร โดยการหน้านี้ เคยมีการนำเฮลิคอปเตอร์มาช่วยขนขยะ ซึ่งมีตั้งแต่ถังออกซิเจน เต้นท์ใช้แล้ว อุปกรณ์ที่ใช้ในการรับประทานอาหาร และอุปกรณ์ตั้งแคมป์อื่น ๆ
ก่อนหน้านี้ ปริมาณขยะที่เก็บลงมาได้จากยอดเขาเอเวอร์เรสต์ วัดได้มากถึง 16 ตัน และเชื่อว่ายังมีอีกจำนวนหนึ่ง ที่ไม่สามารถระบุปริมาณได้หลงเหลืออยู่ จนบางครั้งยอดเขาเอเวอร์เรสต์ ถูกเรียกว่าเป็น “กองขยะที่สูงที่สุดในโลก” เลยทีเดียว
ทั้งนี้ นับแต่ปี 1922 คาดว่ามีนักปีนเขาเสียชีวิตมากกว่า 200 รายซึ่งร่างของผู้เสียชีวิตยังไม่ถูกค้นพบเนื่องจากถูกหิมะปกคลุมไว้ แต่การค้นพบทำนองนี้มีแนวโน้มว่าจะเพิ่มสูงขึ้นในปีต่อๆ ไป เนื่องจากน้ำแข็งบนภูเขายังคงละลายต่อเนื่อง เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ แต่ความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ทำให้หิมะบนเทือกเขาละลายเร็วขึ้นก็เผยให้พบร่างผู้เสียชีวิตจำนวนมากขึ้นด้วย
ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
พระนามสมเด็จพระราชินี แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
