ทัพเรือภาคที่ 3 และศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค3 (ศรชล.ภาค3) ปฏิบัติการเคลื่อนย้ายที่พักอาศัยลอยน้ำ ตามแนวคิดการตั้งถิ่นฐานในทะเลนอกน่านน้ำทะเลอาณาเขต (Seasteading) โดยมีเรือหลวงศรีราชา เรือหลวงมันใน และเรือหลวงริ้น เข้าร่วมปฏิบัติการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 62 ที่ผ่านมา เพจเฟสบุ๊ค “กองทัพเรือ Royal Thai Navy” ได้โพสต์ข้อความระบุว่า สรุปผลการปฏิบัติงานเคลื่อนย้ายที่พักอาศัยลอยน้ำ (Seasteading)

ทัพเรือภาคที่ 3 และศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค3 (ศรชล.ภาค3) ปฏิบัติการเคลื่อนย้ายที่พักอาศัยลอยน้ำ ตามแนวคิดการตั้งถิ่นฐานในทะเลนอกน่านน้ำทะเลอาณาเขต (Seasteading) ซึ่งมี นาย เชด แอนดริว เอลวอทอวสกี้ และภรรยาชาวไทยเป็นเจ้าของ ออกจากที่ตั้งบริเวณพิกัด ละติจูด 7 องศา 29.37 ลิปดาเหนือ ลองจิจูด 98 องศา 34.81 ลิปดาตะวันออก หรือบริเวณทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะราชาใหญ่ ระยะห่างประมาณ 14 ไมล์ทะเล ซึ่งพิกัดดังกล่าวอยู่ในเขตต่อเนื่องของประเทศไทย โดยการดำเนินการเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ เวลา 09.00 น. คณะทำงานของทัพเรือภาคที่ 3 และ ศรชล.ภาค 3 ได้นำคณะสื่อมวลชนร่วมสังเกตการณ์การปฏิบัติการ โดยได้จัด เรือ 3 ลำ ประกอบด้วย

เรือหลวงศรีราชา เป็นเรือฐานอำนวยการและกำกับควบคุมการปฏิบัติการ โดยมี พลเรือตรี วิธนรัชต์ คชเสนี รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ปฏิบัติหน้าที่ผู้บัญชาการกองเรือปฏิบัติการทัพเรือภาคที่ 3 เป็นผู้อำนวยการควบคุมการปฏิบัติ
เรือหลวงมันใน ทำหน้าที่ในการลำเลียงที่พักอาศัยลอยน้ำในส่วนที่เป็นโครงสร้างส่วนบนของตัวบ้าน ซึ่งมีเป็นลักษณะทรงแปดเหลี่ยมทำด้วยไฟเบอร์กลาส

เรือหลวงริ้น ที่มีขีดความสามารถในการลากจะลากจูงส่วนตัวที่เป็นฐานหรือเสาของที่พักอาศัยลอยน้ำ
โดยการดำเนินการทุกขั้นตอน มีผู้ที่มีความรู้ในเรื่องการประกอบบ้าน ทั้งเจ้าหน้าที่เทคนิค จากกองโรงงาน ฐานทัพเรือพังงา ทัพเรือภาคที่ 3 ชุดปฏิบัติการพิเศษทัพเรือภาคที่ 3 นักประดาน้ำ รวมถึงบุคลากรจากบริษัทที่ได้ดำเนินการติดตั้งที่พักอาศัยลอยน้ำดังกล่าวร่วมดำเนินการ ซึ่งมั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดการเสียหายต่อวัตถุพยานที่ใช้ประกอบการดำเนินคดี

สำหรับขั้นตอนการปฏิบัติในวันนี้ เรือหลวงมันใน ได้ทำการลากส่วนบนซึ่งเป็นส่วนที่พักอาศัยกลับเข้าฝั่งแล้ว ไม่มีอุปสรรคเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศแต่อย่างใด ส่วนสปาหรือฐานลอยน้ำนั้นคาดว่าจะสามารถดำเนินการลากกลับเข้าฝั่งได้ในคืนนี้ หรืออย่างช้าภายในวันพรุ่งนี้

ซึ่งกองทัพเรือจะดำเนินการด้วยความรอบคอบ โปร่งใส และจะพยายามรักษาวัตถุลอยน้ำดังกล่าวให้ดีที่สุด และมีความปลอดภัยมากที่สุด จากนั้นจะส่งมอบให้สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ตเก็บรักษาเพื่อใช้เป็นวัตถุพยานในการดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
เด็ก 16 เรียนรู้ผ่าน Youtube เทรดเงิน 6 พัน เป็น 2.4 ลบ. ใน 8 เดือน
