หลังเลือกตั้งศก.แย่ “สมคิด” สั่งเติมเงิน SMEs

หลังเลือกตั้งศก.แย่ “สมคิด” สั่งเติมเงิน SMEs


“สมคิด” พบเศรษฐกิจไทยหลังเลือกตั้งชะลอตัว สั่งกระทรวงอุตฯเซ็ทอัพเตรียมพร้อมทำงานกับรัฐบาลใหม่ พร้อมย้ำแบงก์ SMEs อัดฉีดเงินหนุนผู้ประกอบการ

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมกระทรวงอุตสาหกรรม โดยระบุว่า หลังจากเลือกตั้งพบว่า ในช่วง 2 เดือนนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจนิ่งในลักษณะ “Sleeping Beauty” เศรษฐกิจโตลดลงเหลือกว่าร้อยละ 3 จากที่เติบโตระดับร้อยละ 4 ซึ่งไม่ต้องการให้เศรษฐกิจเติบโตชะลอลง ดังนั้นจึงขอให้ข้าราชการกระทรวงอุตสาหกรรม เดินหน้าทำงานอย่างต่อเนื่องไม่หยุดนิ่ง แม้อยู่ในช่วงรอยต่อการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลปัจจุบันไปสู่รัฐบาลใหม่ เพื่อให้งานการช่วยเหลือผู้ประกอบการโดยเฉพาะเอสเอ็มอี และธุรกิจสตาร์ทอัพเดินหน้าไปได้อย่างต่อเนื่องไม่สะดุด นายสมคิด ยังได้ขอให้ธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม จัดทำมาตรการเพื่ออัดฉีดเงินให้กับธุรกิจเอสเอ็มอีภายใน 3 เดือนนี้ เพื่อนำไปเตรียมความพร้อมที่จะเดินหน้าใหม่ต่อทันทีที่รัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ

พร้อมกันนี้ ขอให้เดินหน้ากระบวนการเปลี่ยนผ่านภาคอุตสาหกรรมไทยสู่ยุคดิจิทัล ตามนโยบายประเทศไทย 4.0 โดยสั่งการให้กระทรวงอุตสาหกรรม จัดทำมาตรการแบบครบวงจรเชิงบังคับและจูงใจภาคเอกชนไทยให้มีนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ในการทำธุรกิจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น IoT , Big Data และการจัดทำบัญชีเดียว เป็นต้น และนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)เพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป เพราะหากไม่ทำผู้ประกอบการไทยจะไม่สามารถแข่งขันได้

นอกจากนี้ ยังขอให้เดินหน้าเตรียมความพร้อมของบริษัท อินโนสเปซ (ประเทศไทย) จำกัด ที่จะทำหน้าที่พัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและธุรกิจสตาร์ทอัพ ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม วางรูปแบบการทำงานกับพันธมิตรภาครัฐ ภาคเอกชน และพันธมิตรต่างประเทศ พร้อมมีคณะผู้บริหารบริษัทภายในเดือนพ.ค.นี้ ก่อนที่รัฐบาลใหม่จะเข้ามาบริหารประเทศ และต้องพร้อมขอรับการจัดสรรงบประมาณปี 2563

ด้านการสร้างมาตรฐาน ยกระดับ ปรับทักษะบุคลากร ให้รองรับระบบเศรษฐกิจ 4.0 นายสมคิดได้เน้นย้ำให้การทำงานในลักษณะบูรณาการกับภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษาและกระทรวงแรงงาน โดยดำเนินการภายใต้ “โครงการส่งเสริมการปฏิรูป SMEs สู่ 4.0 ด้วย Industrial Transformation Platform ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมอยู่ระหว่างขอการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมรวม 8,629 ล้านบาท

ด้านลดปัญหาฝุ่นละออง P.M.2.5 โดยเฉพาะฝุ่นละอองจากอ้อยไฟไหม้ เพราะชาวไร่อ้อยใช้วิธีเผาไร่อ้อยในกระบวนการเก็บเกี่ยวผลผลิต ที่เป็นปัญหาสืบเนื่องจากหลายปัจจัยทั้งการขาดแคลนแรงงานและปัจจัยอื่น ๆ โดยนายสมคิด ได้ย้ำให้สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(สอน.) เดินหน้ามาตรการลดการเผาอ้อย ให้ได้ตามกรอบระยะเวลา 3 ปีนับจากนี้ไปภายใต้งบประมาณช่วยเหลือ 2,000 ล้านบาทในรูปแบบสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่ชาวไร่อ้อย

สำหรับอุตสาหกรรมเกษตรขอให้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นำรูปแบบอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป เพื่อช่วยเพิ่มมูลค่าผลผลิต โดยให้เน้นไปยังกลุ่มผักและผลไม้ ซึ่งประเทศไทยมีแหล่งผลิตสำคัญในภาคตะวันออกและภาคใต้ที่จังหวัดชุมพร โดยจะต้องดำเนินการให้มีห้องเย็น

นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.)เตรียมพร้อมรองรับการเข้ามาลงทุนของนักลงทุน โดยให้ กนอ.ก้าวสู่ยุค กนอ. 4.0 เพื่อให้สามารถตอบรับการเข้ามาลงทุนได้สะดวกง่าย ซึ่งตัวอย่างของธุรกิจนี้เห็นได้จากบริษัท WHA ส่วนโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 ขอให้ดำเนินการด้วยดีมีการต่อรองที่เหมาะสมไม่ให้เป็นที่ครหา เพราะจะนำเป็นโครงการตัวอย่างในการเดินทางไปพบปะกับนักลงทุนจีนต่อไป ส่วนโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ SEZ ที่นิคม สระแก้ว ตาก สงขลา และนราธิวาส จะต้องพิจารณาว่า จะให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมอุตสาหกรรมชีวภาพ และต้องมีพื้นที่รองรับสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพโดยจัดทำในแผนระยะ 5 ปีข้างหน้าเอาไว้ด้วย

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
โอกาสทอง SMEsไทย พณ.ติวนักส่งออกรุ่นใหม่ไปตลาดโลก